หลังจากที่นางอนันดิเบน ปาเทล อดีตรัฐมนตรีสรรพากรรัฐคุชราต ได้รับความไว้วางใจจากนายนเรนทร โมดี นายกรัฐมนตรี ให้มารับช่วงต่อในตำแหน่งมุขมนตรีรัฐคุชราต เพื่อสานต่อนโยบายการพัฒนาที่ทำให้คุชราตกลายเป็นรัฐตัวอย่างด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ไม่ถึงเดือน นางปาเทลก็ได้ประกาศแผนพัฒนาสังคมภายใน 100 วัน
ท่ามกลางกระแสความตื่นแต้นตื่นตัวที่มาจากการได้ตัวนายกฯ คนใหม่ของอินเดียที่เคยสร้างให้รัฐคุชราชโชติช่วงชัชวาลย์มาแล้ว ซึ่งประชาชนต่างกำลังจับตามองว่านายโมดีจะนำโมดีโมเด็ลไปประยุกต์ในการเมืองระดับประเทศได้หรือไม่นั้น นางอนันดิเบน ปาเทล ซึ่งเรียกได้ว่ารับงานหนัก มารับไม่ต่อจากนายโมดี ก็เร่งเดินหน้าไม่ยอมให้ชื่อเสียงของพรรคบีเจพีแผ่วในรัฐคุชราต ตั้งเป้าส่งเสริมคุณภาพชีวิต ปัญหาที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีนายกฯ โมดีมาตลอดว่า มัวแต่สนใจการพัฒนาเศรษฐกิจจนลืมปัญหาสังคมที่ตามมา
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นางปาเทลจึงได้เปิดตัวแผนปฏิบัติการ 100 วัน ที่มุ่งเน้น 11 สาขาเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านสิทธิสตรี ปัญหาการขาดสารอาหาร ความสะอาดและสุขอนามัย การบริหารจัดการภาครัฐ การสร้างงาน การพัฒนาชุมชนเมือง การจัดตั้งโรงเรียน และการเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษี “แม้ประเด็นเหล่านี้ จะเป็นประเด็นที่นายโมดีได้ทำมาก่อนแล้ว แต่รัฐบาลของนางปาเทลจะตั้งเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาอย่างเข้มข้น” นางปาเทลกล่าว
ตัวอย่างแผนปฏิบัติงานที่นางปาเทลจะดำเนินการในการแก้ปัญหาความสะอาดและสุขอนามัย ได้แก่ การอนุมัติงบประมาณในการจัดการระบบน้ำเสียและของเสียใน 2,500 หมู่บ้าน โดยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 75,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านรูปี (500 ล้านบาท) จะถูกจัดสรรให้เทศบาล และจะมีการก่อสร้างห้องสุขาสาธารณะกว่า 50,000 แห่งในชนบท และจะอนุมัติการก่อสร้างอีก 80,000 แห่งในอีก 100 วันข้างหน้า
รัฐคุชราตเป็นรัฐที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดรัฐหนึ่งในอินเดีย โดยเฉพาะในช่วงที่อยู่ภายใต้การบริการจัดการของนายนเรนทร โมดี มุขมนตรีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลคุชราตถูกโจมตีมาตลอดที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ human development index ของรัฐต่ำกว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจอยู่มาก เป้าหมายใหม่ของรัฐจึงต้องการเน้นการพัฒนามนุษย์และการแก้ปัญหาสังคม แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือนโยบายของรัฐบาลภายใต้นางปาเทลจะสามารถรักษากระแสความเป็นเป้าหมายการลงทุน FDI จากต่างชาติได้เหมือนสมัยนายโมดีปกครองรัฐนี้หรือไม่
ประพันธ์ สาพายวรกิจ
รายงานจารกรุงนิวเดลี
24 มิถุนายน 2557