Sri City เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีที่สุดของอินเดียตอนใต้
รัฐบาลไทยกำลังเร่งผลักดันการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ Special Economic Zone (SEZ) โดยในระยะแรกประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่อง 5 แห่งที่จังหวัดตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และสงขลา
หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้ว่าจ้างทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้เดินทางมายังอินเดียเพื่อทำการศึกษาเปรียบเทียบการให้สิทธิประโยชน์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษในอินเดียแก่นักลงทุนต่างชาติ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนของเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทยต่อไป
คณะผู้แทนไทยและทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยถ่ายร่วมรูปกับทีมผู้บริหารของเขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City
สำหรับในพื้นที่อินเดียตอนใต้ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและดิฉันในฐานะคนในพื้นที่ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดียเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อเดินทางถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City สิ่งแรกที่เห็นแล้วประทับใจ คือ การจัดเขตโซนพื้นที่ที่ดูเป็นระเบียบ โล่ง ไม่แออัดคับแคบ มีทั้งโรงงานที่ได้สร้างขึ้นแล้ว และบางส่วนอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กระจายตัวอยู่ แต่ละโรงงานมีขนาดใหญ่ สะอาด ดูได้มาตรฐานสากล นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานภายใน Sri City โดยเฉพาะถนน จัดเป็นถนนคอนกรีตที่ได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งดูแตกต่างจากเขตนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ดิฉันเคยเห็นในอินเดีย
อาคาร Business Center ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City
นาย Ravindra Sannareddy กรรมการผู้จัดการของ Sri City ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sri City ได้เล่าให้ฟังว่า เขาและเพื่อนผู้ก่อตั้ง Sri City ได้ตัดสินใจเลือกพื้นที่ในเขตอำเภอ Nellore รัฐอานธรประเทศ ซึ่งอยู่ในเขตระเบียงอุตสาหกรรมเมืองเจนไน-เมืองบังคาลอร์ เป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City โดยด้านหน้าของพื้นที่อยู่ติดกับทางหลวงหมายเลข 5 (NH5) ซึ่งสามารถเชื่อมเมืองหลักต่างๆ ของอินเดีย เช่น นิวเดลี กัลกัตตา บังคาลอร์ มุมไบ และเจนไน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นสวนทางตอนใต้ของอินเดีย นอกจากนี้ ยังอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ โดยห่างจากท่าเรือเมืองเจนไน 65 กิโลเมตร ท่าเรือกฤษณะปัตตะนัม 100 กิโลเมตร และท่าเรือ Ennore 50 กิโลเมตร และห่างจากสนามบินเมืองเจนไนและสนามบินเมือง Tirupati ประมาณ 75 กิโลเมตร
ปัจจุบัน Sri City มีบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างชาติเข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานมากกว่า 100 บริษัทจาก 25 ประเทศ เช่น บริษัท ISUZU บริษัท PepsiCo บริษัท Cadbury บริษัท Colgate Palmolive บริษัท Kellogg’s บริษัท Kobelco และบริษัท Lavazza เป็นต้น โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 3.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทของไทยที่เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานใน Sri City ก็มี คือ บริษัท Rockworth ซึ่งเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สำนักงานรายใหญ่ของไทย
Master Plan ของ Sri City ได้รับการออกแบบอย่างดีให้อยู่ในระดับมาตรฐานโลก โดยบริษัท Jurong Consultants ของสิงคโปร์ ภายในนิคมมีการออกแบบวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง ระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบระบายน้ำที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งยังมีโครงการจะสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม บ้านพัก ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ และสนามกอล์ฟด้วย
นาย Sannareddy บอกว่า เขาต้องการจะสร้างให้ Sri City เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ให้ทุกอย่างที่ภาคธุรกิจต้องการ และตั้งเป้าหมายที่จะสร้างให้ Sri City เป็นสถานที่ที่ผู้เข้ามาทำงานมีความสุข ภายใต้แนวคิดที่ว่า work-live-learn and play
สำหรับการให้สิทธิประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนใน Sri City นั้นมีมาก เช่น นักลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษี Minimum Alternative Tax ภาษีบริการ ภาษีขาย ภาษีสรรพสามิต และภาษีนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรในการผลิต อย่างไรก็ดี หลังจาก 5 ปีของการลงทุน บริษัทจะต้องเป็น net foreign exchange earner รายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างชาติจะต้องมีมูลค่ามากกว่าเงินสกุลต่างชาติที่ส่งไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ รัฐอานธรประเทศยังยกเว้นค่าธรรมเนียมอากรที่ดินสำหรับการลงทุน และคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักลงทุนด้วย และที่สำคัญ นักลงทุนสามารถเช่าที่ดินใน Sri City ได้ยาวนานถึง 90 ปี
สาขาอุตสาหกรรมที่ทาง Sri City เปิดรับให้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานก็ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ โลจิสติกส์ แฟชั่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยา อิเล็คทรอนิกส์ พลังงานทดแทน อาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในอนาคต ผู้บริหารของ Sri City มีแผนที่จะพัฒนา Sri City ให้เป็น Smart City ต่อไปโดยเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้มีพื้นที่ที่สามารถรองรับโรงงานที่จะเข้ามาลงทุนได้รวม 500 โรงงาน และเมื่อโครงการต่างๆ สร้างเสร็จแล้วทั้งหมด คาดว่า จะมีผู้คนเข้ามาทำงานและอาศัยใน Sri City มากกว่า 5 แสนคน
เขตเศรษฐกิจพิเศษ Sri City ถือว่ามีความสมบูรณ์แบบ ซึ่งผ่านมาเยือนเมื่อใดก็จะได้เห็นพัฒนาการโดยตลอด โดยเฉพาะโครงการสร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริษัททั้งอินเดียและต่างชาติ
ภาคเอกชนไทยที่สนใจเข้ามาลงทุนในอินเดีย อาจพิจารณาศึกษาสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดียแห่งนี้ไว้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุนเข้าสู่ตลาดอินเดียต่อไป
**************************
รายงานโดย ดร. พรพิมล สุคันธวณิช
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน