งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2014-15 ของรัฐบาลอินเดียและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ
งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2014-15 ของรัฐบาลอินเดียและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศอินเดียเป็นเรื่องที่น่าสนใจทั้งในแง่กระบวนการจัดทำงบประมาณและผลกระทบของงบประมาณที่จะส่งผลต่อภาคส่วนต่างๆของอินเดียทั้งประเทศ ซึ่งโดยปกติแล้วปีงบประมาณของประเทศอินเดียจะแตกต่างไปจากของไทย คือ จะเริ่มต้นวันที่ 1 เมษายน และสิ้นสุดปีงบประมาณ ณ วันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป การเรียกปีงบประมาณของอินเดียจึงต้องระบุปีทั้งปีเริ่มต้นงบประมาณและปีสิ้นสุดงบประมาณเช่น ปีงบประมาณปัจจุบันของอินเดียคือ ปีงบประมาณ 2014-15 นั่นคือ ปีงบประมาณนี้จะเริ่มต้น ณ วันที่ 1 เมษายน 2014 และสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2015
ในแง่กระบวนการการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของอินเดีย จะเริ่มต้นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องนำเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปี (Union Budget) ให้รัฐสภาพิจารณาในวันทำงานวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ของทุก ๆ ปี โดยงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะประกอบไปด้วย 1) รายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลอินเดียในปีงบประมาณที่ผ่านมา และ 2) ประมาณการรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลอินเดียในปีงบประมาณที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งยังต้องชี้แจงวิธีการที่ได้มาของรายได้และจะต้องแจกแจงว่าจะนำรายได้ดังกล่าวไปใช้จ่ายในด้านใดด้วย ทั้งนี้ หากในปีใดเป็นปีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปหรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (General Election) อย่างเช่นในปีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ต้องเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีแก่รัฐสภาแต่จะต้องเสนองบประมาณรายจ่ายชั่วคราว (Interim Budget หรือ Vote on Account: VOA) ให้รัฐสภาพิจารณาอนุมติในเดือนกุมภาพันธ์แทน โดยงบประมาณชั่วคราวจะประกอบไปด้วย 1) รายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลอินเดียในปีงบประมาณที่ผ่านมา และ 2) ประมาณการค่าใช้จ่ายของรัฐบาลอินเดียตั้งวันที่ 1 เมษายน – วันที่ 31 กรกฎาคมในปีงบประมาณที่กำลังจะมาถึง (นำเงินจากกองทุนรวมมาใช้จ่าย) หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้น (การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอินเดียจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน-พฤษภาคม) รัฐบาลชุดใหม่จะต้องนำเสนอแผนงบประมาณประจำปีให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติภายในวันที่ 31 กรกฎาคม เพื่อบังคับใช้แทนแผนงบประมาณชั่วคราวที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของรัฐบาลชุดก่อนวางเอาไว้
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014 นาย Palaniappan Chidambaram รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการคลังคนก่อนได้เสนองบประมาณรายจ่ายชั่วคราวประจำปี 2015 ให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งวันที่ 1 เมษายนจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่มีการเลือกตั้งทั่วไป และเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาย Arun Jaitley รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่หรือคนปัจจุบันของประเทศอินเดียได้เสนองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2015 ให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2015 ซึ่งในงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวสามารถสรุปนโยบายสำคัญและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ดังนี้
อุตสาหกรรมการเกษตร
- จัดสรรงบประมาณ 10 พันล้านรูปีสำหรับการพัฒนาระบบชลประทาน
ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยรวม
- เพิ่มเงินอุดหนุนให้กับผู้ผลิตปุ๋ยจาก 679 พันล้านรูปีในงบประมาณชั่วคราวเป็น 730 พันล้านรูปี
ช่วยให้ราคาปุ๋ยลดลง
- เพิ่มปริมาณสินเชื่อเพื่อการเกษตรเป็น 8,000 พันล้านรูปี
ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ และสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร เป็นต้น
- ดำเนินโครงการให้เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรเพื่อใช้ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อ
- คงราคาค้าปลีกสูงสุด (Maximum Retail Price: MRP) ของสารยูเรียไว้ที่ราคาเดิม
ส่งผลเสียต่อผู้ผลิตสารยูเรียและผู้ผลิตปุ๋ย
- ออกอากาศรายการให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรผ่านทางสื่อโทรทัศน์
ช่วยให้เกษตรกรท้องถิ่นมีความรู้เกี่ยวกับการเกษตรมากขึ้น
- สร้างและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรให้ดีขึ้น รวมไปถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรให้ทันสมัยมากขึ้นด้วย
- จัดตั้งกองทุน National Adaptation for Climate Change
- ดำเนินการปฏิวัติเขียวที่สองโดยเน้นไปที่การเพิ่มผลิตภาพ
- จัดตั้งกองทุน Price Stabilization ด้วยเงินลงทุน 5 พันล้านรูปี
- ปรับปรุงและพัฒนา พ.ร.บ. ว่าด้วยคณะกรรมการตลาดเพื่อผลิตผลการเกษตร (Agricultural Produce Market Committee Act) สร้างตลาดของเอกชน และพัฒนาตลาดเกษตรกร
ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยรวม
อุตสาหกรรมยานยนต์
- เพิ่มวงเงินได้ที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 2 แสนรูปีเป็น 2.5 แสนรูปี
ช่วยเพิ่มความต้องการรถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากประชากรมีรายได้ที่ใช้จ่ายได้เพิ่มมากขึ้น
- จัดสรรงบประมาณ 8,000 ล้านรูปีสำหรับสินเชื่อเพื่อการเกษตรและ 250,000 ล้านรูปีสำหรับการพัฒนาพื้นที่จัดเก็บผลผลิต
ช่วยเพิ่มความต้องการรถแทรกเตอร์ เนื่องจากงบประมาณจำนวนมากถูกจัดสรรเพื่อปฏิรูปภาคการเกษตร
- ลดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับขยะแบตเตอรี่และทรากแบตเตอรี่จาก 10% เป็น 5%
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่
- ลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ทุกประเภทต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ (ปีปฏิทิน)
ช่วยเพิ่มความต้องการรถยนต์ทุกประเภท เนื่องจากราคารถยนต์จะลดลงซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนทางด้านภาษีที่ลดลง
- เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าเหล็กแผ่นจาก 5% เป็น 7.5%
ส่งผลเสียต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
อุตสาหกรรมการธนาคาร
-อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ระดมเงินทุนระยะยาวเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจในภาคโครงสร้างพื้นฐานโดยผ่อนผันกฏระเบียบต่าง ๆ เช่น อัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Cash-Reserve Ratio – CRR), สัดส่วนสภาพคล่องทางการเงิน (Statutory Liquidity Ratio – SLR) และการกำหนดความสำคัญของแต่ละภาคส่วนที่ต้องการสินเชื่อ
ส่งผลดีในทางบวกต่อภาคการธนาคารของอินเดีย โดยเฉพาะ IDFC ซึ่งเป็นสถาบันการเงินด้านโครงสร้างพื้นฐานจะได้ประโยชน์มากที่สุด นอกจากนั้นการผ่อนคลายกฏเกี่ยวกับ CRR และ SLR จะส่งผลให้ IDFC ซึ่งขณะนี้กำลังจะได้รับใบอนุญาตให้มีสภาพเป็นธนาคารพาณิชย์มีกำไร
- อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นในบริษัทประกันภัยได้เพิ่มมากขึ้นจาก 26% เป็น 49%
ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการประกันภัยโดยรวม เนื่องจากบริษัทประกันภัยจะได้รับเงินทุนจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
- จัดสรรงบประมาณ 120,000 ล้านรูปีให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (National Housing Bank) โดยแบ่งเป็น 80,000 ล้านรูปีสำหรับช่วยเหลือผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในชนบทและ 40,000 ล้านรูปีสำหรับช่วยเหลือผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเมือง
ส่งผลดีต่อบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย
- เพิ่มอัตราภาษีเงินได้ของกำไรจาก Debt Mutual Fund จาก 10% เป็น 20% และขยายระยะเวลาของการถือครองสินทรัพย์ประเภททุนที่จะให้ผลตอบแทนระยะยาวได้ถึง 3 ปี (Long Term Capital Gain)
ช่วยลดปัญหาการหลีกเลี่ยงการชำระภาษีของบริษัทที่มีกิจการอยู่ในต่างประเทศ
- เพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านอยู่อาศัยจาก 1.5 แสนรูปีเป็น 2 แสนรูปี
ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการธนาคารโดยรวม
อุตสาหกรรมสินค้าทุน
- อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นในบริษัทผลิตอาวุธได้เพิ่มมากขึ้นจาก 26% เป็น 49%
ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าประเภทอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต อาวุธ เนื่องจากการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นในบริษัทผลิตอาวุธได้ เพิ่มมากขึ้นจะทำให้อุตสาหกรรมการผลิตอาวุธเติบโตขึ้น
- จัดสรรงบประมาณ 10,000 ล้านรูปีสำหรับการพัฒนาระบบรางรถไฟในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตสัญญาณไฟ หัวรถไฟ และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
- จัดสรรงบประมาณ 70,600 ล้านรูปีสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 100 เมือง
เพิ่มความต้องการสินค้าที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ซีเมนต์ เป็นต้น
- เพิ่มอัตราภาษีท้องถิ่นสำหรับถ่านหินจาก 50 รูปีต่อตันเป็น 100 รูปีต่อตัน
ส่งผลเสียต่อบริษัทผู้ผลิตซีเมนต์ เนื่องจากต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
- ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับแผงวงจรโทรทัศน์ LCD และ LED บางประเภท
- ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับหลอดภาพโทรทัศน์สี
ช่วยให้ราคาโทรทัศน์ในประเทศอินเดียลดลง
- ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่ใช้ในการผลิต EVA Sheets และ Black Sheets
ช่วยลดต้นทุนในการตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
- ยกเว้นภาษีศุลการกรสำหรับ Flat Copper Wire ซึ่งใช้ในการผลิต PV Ribbons
- ยกเว้นภาษีศุลกากรพิเศษเพิ่มเติม 4% สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องปั่นไฟพลังลม
- ลดภาษีศุลกากรสำหรับ Forged Steel Ring ซึ่งเป็นชิ้นส่วนในการผลิต Bearing ที่ใช้สำหรับเครื่องปั่นไฟพลังลม
ช่วยลดต้นทุนในการผลิตเครื่องปั่นไฟพลังลม
- ขยายเวลาการลดภาษีศุลกากรสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตั้ง Compassed Biogas Plants
ช่วยลดต้นทุนในการผลิต Compassed Biogas Plants
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค
- เพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่ 11-72% (ขึ้นอยู่กับประเภทของบุหรี่)
ส่งผลเสียต่อบริษัทผู้ผลิตบุหรี่
- ลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรองเท้าที่ราคาตั้งแต่ 500-1,000 รูปีเหลือ 6% จาก 12%
ส่งผลตดีต่อบริษัทผู้ผลิตรองเท้า
- ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับกรดไขมัน ไขปาล์มดิบ ไขปาล์มบริสุทธิ์ ไขปาล์มอื่นๆ และน้ำมันดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมบางชนิด
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตสบู่และบริษัทแปรรูปไขมันจากพืช
- เพิ่มยอดเงินได้ที่จะได้รับการงดเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 2 แสนรูปีเป็น 2.5 แสนรูปี
เพิ่มความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคโดยรวม เนื่องจากประชาชนมีรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงเพิ่มมากขึ้น
- ลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าแปรรูปบางประเภทและเครื่องจักรที่ใช้สำหรับบรรจุสินค้าจาก 10% เหลือ 6%
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตอาหารแปรรูป เนื่องจากต้นทุนในการผลิตลดลง
อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน
- จัดสรรงบประมาณ 143,890 ล้านรูปีให้กับโครงการ Pradhan Mantri Gram Sadak Yojna (โครงการพัฒนาถนน)
ส่งผลดีต่อบริษัท National Building Construction Corporation เนื่องจากเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่รับงานโดยตรงจากรัฐบาลอินเดีย
- จัดสรรงบประมาณ 378,800 ล้านรูปีสำหรับการพัฒนาถนนและทางด่วน
- จัดสรรงบประมาณ 5,000 ล้านรูปีสำหรับการพัฒนาทางด่วนเพื่อให้รองรับกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจ
ส่งผลดีต่อบริษัทรับเหมาก่อสร้างถนน
- จัดสรรงบประมาณ 360,00 ล้านรูปสำหรับการพัฒนาโรงงานผลิตน้ำประปาสำหรับชุมชน
ส่งผลดีต่อบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงงานและบริษัทซ่อมบำรุงโรงงาน
- อนุญาตให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน (Public-Private Partnership)
ช่วยให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานราบรื่นมากขึ้น
- สร้างสนามบินแห่งใหม่ในกลุ่มเมืองรอง 1 และ 2
ช่วยพัฒนาการคมนาคมพื้นฐานภายในประเทศ
- จัดสรรงบประมาณ 50,000 ล้านรูปีสำหรับกองทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบท
ช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตชนบทให้ดียิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมเหมืองและโลหะ
- พิจารณาทบทวนค่าธรรมเนียมสำหรับการขุดแร่
ส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรม เนื่องจากต้นทุนในการจัดหาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น
- เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าเหล็กกล้าแผ่นไร้สนิม (Flat-Rolled Stainless Steel) จาก 5% เป็น 7.5%
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศ เนื่องจากการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเหล็กกล้าแผ่นไร้สนิมจะทำให้ความต้องการ เหล็กกล้าแผ่นไร้สนิมที่ผลิตภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
- เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกบ็อกไซต์ (หินแร่สำคัญที่อยู่ในอะลูมิเนียม) จาก 10% เป็น 20%
ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตอะลูมิเนียมในประเทศ เนื่องจากการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับการส่งออกบ็อกไซต์จะทำให้ราคาบ็อกไซต์ภายในประเทศลดลง
- เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสำหรับถ่านหินที่ใช้ในการถลุงเหล็กจาก 0% เป็น 2.5%
ส่งผลเสียต่อบริษัทผู้ผลิตเหล็ก
อุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส
- พัฒนาท่อส่งแก๊สความยาว 15,000 กิโลเมตร
เพิ่มการใช้แก๊สในยานพาหนะมากขึ้นและลดการพึ่งพาน้ำมันที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์
- ส่งเสริมการลงทุนด้วยการคืนภาษีให้ในอัตรา 15% สำหรับบริษัทที่ลงทุนตั้งโรงงานใหม่และซื้อเครื่องจักรใหม่มูลค่ามากกว่า 250 ล้านรูปีขึ้นไป โดยมาตรการนี้มีระยะเวลา 3 ปีจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2017 เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ของอินเดียเติบโต
มีผลกระทบเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ของอินเดียโดยเฉพาะสำหรับบริษัทขนาดเล็ก
อุตสาหกรรมพลังงาน
- ยกเว้นภาษีต่อไปอีก 10 ปีสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลังงาน
ส่งผลดีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน
- ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับ Flat Copper Wire ซึ่งใช้ในการผลิต PV Ribbons
- ยกเว้นภาษีศุลกากรพิเศษเพิ่มเติม 4% สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องปั่นไฟพลังลม
- ลดภาษีศุลกากรสำหรับ Forged Steel Ring ซึ่งเป็นชิ้นส่วนในการผลิต Bearing สำหรับเครื่องปั่นไฟพลังลม
ช่วยลดต้นทุนในการติดตั้งเครื่องปั่นไฟพลังลม
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
- มีมาตรการด้านภาษีที่จูงใจสำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
กระตุ้นให้มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าเพิ่มมากขึ้น
- จัดสรรงบประมาณ 120,000 ล้านรูปีให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ส่งผลดีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ
นโยบาย |
ผลกระทบ |
|
- จัดสรรงบประมาณ 10 พันล้านรูปีสำหรับการพัฒนาระบบชลประทาน - เพิ่มเงินอุดหนุนให้กับผู้ผลิตปุ๋ยจาก 679 พันล้านรูปีในงบประมาณชั่วคราวเป็น 730 พันล้านรูปี - เพิ่มปริมาณสินเชื่อเพื่อการเกษตรเป็น 8,000 พันล้านรูปี - ดำเนินโครงการให้เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรเพื่อใช้ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อ - คงราคาค้าปลีกสูงสุด (Maximum Retail Price: MRP) ของสารยูเรียไว้ที่ราคาเดิม - ออกอากาศรายการให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรผ่านทางสื่อโทรทัศน์ - สร้างและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรให้ดีขึ้น รวมไปถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรให้ทันสมัยมากขึ้นด้วย - จัดตั้งกองทุน National Adaptation for Climate Change - ดำเนินการปฏิวัติเขียวที่สองโดยเน้นไปที่การเพิ่มผลิตภาพ - จัดตั้งกองทุน Price Stabilization ด้วยเงินลงทุน 5 พันล้านรูปี - ปรับปรุงและพัฒนา พ.ร.บ. ว่าด้วยคณะกรรมการตลาดเพื่อผลิตผลการเกษตร (Agricultural Produce Market Committee Act) สร้างตลาดของเอกชน และพัฒนาตลาดเกษตรกร |
- ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยรวม
- ช่วยให้ราคาปุ๋ยลดลง
- ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ และสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร เป็นต้น
- ส่งผลเสียต่อผู้ผลิตสารยูเรียและผู้ผลิตปุ๋ย
- ช่วยให้เกษตรกรท้องถิ่นมีความรู้เกี่ยวกับการเกษตรมากขึ้น
|