วันนี้ (10 ก.พ. 2555) การประชุมสุดยอดระหว่างสหภาพยุโรปและอินเดีย ครั้งที่ 12 จะเริ่มต้นที่กรุงนิวเดลี ประเด็นที่สื่ออินเดียจับตามองคือความพยายามของสองฝ่ายในการผลักดันให้การเจรจา FTA มีผลคืบหน้า นอกเหนือไปจากประเด็นความร่วมมืออื่นๆ
ความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและอินเดียที่มีชื่อเรียกว่า EU-India Broad-based Trade and Investment Agreement (BTIA) เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2548 และเจรจาไปได้เพียง 13 รอบ หลายครั้งต้องเลื่อนการเจรจาเพราะจุดยืนที่แตกต่างของสองฝ่ายโดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้าอุตสาหกรรมและการเข้าถึงตลาด
รายงานข่าวแจ้งว่า อินเดียยังไม่ยอมอ่อนข้อให้สหภาพยุโรปเรื่องกำแพงภาษีขาเข้าไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยานยนต์ ในขณะที่ สหภาพยุโรปก็ยังไม่ตอบสนองข้อเสนอของอินเดียให้เปิดเสรีแก่แรงงานภาคบริการของตนสู่ตลาดยุโรป
แม้ภาคราชการโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์อินเดียจะแสดงความเห็นว่าการเจรจาใกล้บรรลุผลสำเร็จและมีความคืบหน้า ภาคธุรกิจอินเดียกลับไม่ได้คาดหวังมากนัก แต่ก็หวังว่าการพบปะกันระหว่างนาย Jose’ Manuel Barroso ประธานสหภาพยุโรปกับนายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ จะช่วยสร้างแรงผลักดันได้บ้าง
สถิติแจ้งว่า สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้าขนาดใหญ่ของอินเดีย มูลค่าการค้าและบริการในปี 2554 สูงกว่า 86 ล้านยูโร (3,465 ล้านบาท) 19 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าส่งออกอินเดีย ส่งไปยังสหภาพยุโรป และ 14 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าที่อินเดียนำเข้า มาจากสหภาพยุโรป ในขณะที่ สหภาพยุโรปนำเข้าสินค้าจากอินเดียคิดเพียง 2.2 เปอร์เซ็นต์ และส่งออกมายังอินเดียเพียง 2.4 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนสินค้าทั้งหมด ตลาดการค้าสองฝ่ายจึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีก
ถนนการค้าทุกสายต้องมุ่งตรงสู่แดนภารตะเพราะกลิ่นโรตีอันหอมหวล ในช่วงสัปดาห์เดียวกันนี้ การเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทย-อินเดียก็ได้เกิดขึ้นที่กรุงนิวเดลี ซึ่งก็เป็นการเจรจารอบที่ 23 แล้ว ไทยและอินเดียอาจจะได้บรรลุข้อตกลง FTA เร็วๆ นี้ เพื่อแย่งชิงโอกาสในตลาดอินเดีย ไม่ต้องรอแบ่งโรตีกับประเทศอื่นๆ ที่ต่างแข่งขันในสนามเดียวกัน
คณิน บุญญะโสภัต