รัฐบาลอินเดีย ประกาศเปลี่ยนใช้ดัชนีวัดอัตราเงินเฟ้อจาก Wholesale Price Index (WPI) เป็น Consumer Price Index (CPI) ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 55 โดยจะประกาศตัวเลข CPI ทุกๆ เดือน
การเปลี่ยนมาใช้ CPI ทำให้อินเดียปรับตัวเข้ากับมาตรฐานสากลในการวัดอัตราเงินเฟ้อ
อินเดียได้ตัดสินใจเปลี่ยนจาก WPI มาเป็น CPI เพื่อให้ธนาคารกลางอินเดีย (Reserve Bank of India) สามารถใช้นโยบายการเงินได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก CPI เป็นดัชนีที่วัดความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า WPI โดย CPI คำนวณตัวเลขจากตะกร้าสินค้าและการบริการที่ผู้บริโภคใช้จ่าย เป็นตัวเลขที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอุปสงค์ ในทางกลับกัน WPI ใช้วิธีคำนวณจากอุปทาน โดยใช้สถิติราคาขายส่ง อีกทั้งไม่รวมราคาของภาคการบริการ ซึ่งเป็นร้อยละ 55 ของการบริโภคในอินเดีย
ก่อนหน้านี้ อินเดียไม่มีการสำรวจเก็บสถิติราคาสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคแบบเดือนต่อเดือน ดังนั้น การคำนวณ CPI จะเริ่มโดยใช้ปี ค.ศ. 2010 เป็นปีพื้นฐาน (base year)
กระทรวงสถิติและการดำเนินโครงการ (Ministry of Statistics and Programme Implementation – MOSPI) จะเป็นหน่วยงานคำนวณดัชนี CPI ในแต่ละเดือน โดยจะจัดทำ CPI ให้กลุ่มประชากร 4 กลุ่ม คือผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ไม่ใช้แรงงานในเมือง ผู้บริโภคซึ่งเป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรม แรงงานอุตสาหกรรมและแรงงานชนบท
ปัจจุบัน ดัชนี CPI ของอินเดียแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคได้สูงขึ้นร้อยละ 7.65 ในเดือน ม.ค. 55 เมื่อเปรียบเทียบกับ ม.ค. 54
แจ่มใส เมนะเศวต