เรื่องน่ารู้จาก สนง.ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ : การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของอินเดีย (ตอนที่ 1)
การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของอินเดีย (ตอนที่ 1)
ปี 2010 - 11 อินเดียค้าขายกับทั่วโลกรวมมูลค่าทั้งสิ้น 620,901.95 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมีมูลค่าการส่งออกรวม 251,135.88 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการนำเข้าสินค้า จากทั่วโลกรวม 369,769.12 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลการค้าให้กับต่างประเทศทั่วโลกรวมมูลค่าทั้งสิ้น 118,633.24 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการค้าขายกับไทยในปี 2011 อินเดียขาดดุลการค้าให้ไทยรวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,169 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีมูลค่าการส่งออกมาไทยรวม 3,013 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยรวม 5,181 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเห็นได้ว่าโดยภาพรวมในแง่ของการค้าระหว่างประเทศฯนั้น อินเดียซึ่งเศรษฐกิจเติบโตสูงในระดับต้นๆของโลก ขาดดุลการค้า มาโดยตลอด
ปัจจุบัน มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดภายใต้กฎหมายความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก(World Trade Organization: WTO) ซึ่งมีสมาชิกทั้งสิ้น 153 ประเทศ ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้าระหว่างกันอย่างกว้างขวางและกลายเป็นอุปสรรคทางการค้าอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ “การทุ่มตลาด” ยกตัวอย่าง เช่น การที่ประเทศ A ส่ง “สินค้าชนิดหนึ่ง” เข้าไปจำหน่ายในประเทศ B ในราคาต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายในประเทศ A หรือในราคาต่ำกว่าราคาที่ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆหรือในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่คำนวณขึ้นจากต้นทุนการผลิตในประเทศ A เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปกฎหมายภายในของประเทศสมาชิกฯจะสอดคล้องกับความตกลงฯของ WTO ซึ่งกำหนดให้อุตสาหกรรมภายในของประเทศผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันกับ “สินค้าชนิดหนึ่ง” ที่ส่งเข้ามาจำหน่ายฯนั้น สามารถยื่นคำร้องต่อหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องฯ ขอให้พิจารณาไต่สวนฯว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน เพื่อใช้มาตรการตอบโต้“การทุ่มตลาด”ได้ ทั้งนี้ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดส่วนใหญ่เป็นการเรียกเก็บอากรการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีปกติ หรือที่เรียกว่า “อากรตอบโต้การทุ่มตลาด”
อินเดียเป็นประเทศที่มีการเปิดไต่สวน(INITIATION) การทุ่มตลาดมากที่สุดในโลก นับแต่มีการใช้กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดกันมาเนื่องจากมีอุตสาหกรรมภายในรายเล็กกลางใหญ่ที่แข็งแกร่งรวมตัวกันและแบ่งปันความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้มาตรการทางการค้าต่างๆ พยายามรักษาผลประโยชน์ฯสิทธิที่พึงมีพึงได้อย่างเต็มที่ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินการยื่นคำขอให้ทางการเปิดไต่สวนฯเพื่อใช้มาตรการทางการค้าฯ โดยเฉพาะมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด
จากสถิติขององค์การการค้าโลก (WTO) รวบรวมการรายงานครึ่งปีและทั้งปีจากประเทศสมาชิกฯ พบว่านับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538(1995) ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554(2011) อินเดียเปิดไต่สวนฯมากถึง 647 กรณี ทั้งนี้ ประเทศที่เปิดไต่สวนฯมากที่สุด 10 อันดับแรกในช่วงปีดังกล่าว สรุปดังนี้
ประเทศ |
เปิดไต่สวนฯ (กรณี) |
1. อินเดีย |
647 |
2. สหรัฐอเมริกา |
452 |
3. สหภาพยุโรป |
428 |
4. อาร์เจนติน่า |
288 |
5. บราซิล |
227 |
6. ออสเตรเลีย |
219 |
7. แอฟริกาใต้ |
213 |
8. จีน |
186 |
9. แคนาดา |
153 |
10. ตุรกี |
147 |
จากสถิติฯดังกล่าว ยังพบอีกว่า ประเทศต่างๆที่ถูกอินเดียเปิดไต่สวนฯมาจากทุกทวีป โดยอินเดียได้เปิดไต่สวนฯประเทศต่างๆอย่างกว้างขวาง รวมทั้งสิ้น 58 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538(1995) ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554(2011) ประเทศฯที่ถูกอินเดียเปิดไต่สวนฯมากกรณีที่สุด 10 อันดับแรก สรุปดังนี้
ประเทศ |
ถูกเปิดไต่สวนฯ (กรณี) |
1. จีน |
144 |
2. เกาหลีใต้ |
49 |
3. สหภาพยุโรป |
48 |
4. ไต้หวัน |
47 |
5. ไทย |
37 |
6. สหรัฐอเมริกา |
33 |
7. ญี่ปุ่น |
32 |
8. อินโดนีเซีย |
25 |
9. สิงคโปร์ |
23 |
10. มาเลเซีย |
22 |
ตอนต่อไป เราจะมาดูวิธีการตอบโต้การทุ่มตลาดของอินเดีย และอ่านข้อเสนอแนะดีๆ จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรุงนิวเดลี ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านครับ
สุพัฒน์ สระน้อย
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรุงนิวเดลี
4 มี.ค. 55