อินเดียเร่งกระตุ้นการส่งออกและลดการนำเข้า
จากแผนเพิ่มเติมรายปีในนโยบายการค้าระหว่างประเทศของอินเดียฉบับปี พ.ศ. 2552 – 2557 รัฐบาลอินเดียได้ออกมาตรการที่จะสร้างแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นการส่งออก โดยจะใช้งบประมาณ 18,500 ล้านรูปีหรือประมาณ 370 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 8.8) ทั้งนี้ เนื่องจากอินเดียได้รับผลกระทบจากตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่ซบเซาโดยในปี 2554 มีอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ 6.5 ซึ่งมาจากผลประกอบการภาคการผลิตที่ลดลง จึงจำเป็นต้องกระตุ้นภาคการผลิตภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการส่งออก
วัตถุประสงค์ของแผนฉบับใหม่
- สร้างงานภายในประเทศ
- กระตุ้นการผลิตภายในประเทศ
- ลดการพึ่งพาการนำเข้า
- หาตลาดใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมของผู้ส่งออก
เป้าหมายการส่งออก
รัฐบาลอินเดียได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือประมาณ 360,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากปีที่แล้ว และคาดว่าในปีหน้าจะมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 ทั้งนี้ ตามนโยบายการค้าระหว่างประเทศฉบับนี้ อินเดียได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่มูลค่า 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2557
แผนส่งเสริมการนำเข้าสินค้าทุนสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก (Export Promotion Capital Goods: EPCG)
แผนส่งเสริมการนำเข้าสินค้าทุนสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกหรือ EPCG ถือเป็นแผนหนึ่งภายใต้แผนเพิ่มเติมรายปีในนโยบายการค้าระหว่างประเทศของอินเดียที่มีความสำคัญและได้รับงบประมาณมากที่สุด โดยแผน EPCG นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ต้องการนำเข้าเครื่องจักรขนาดกลางและขนาดเล็กในการผลิตสินค้าส่งออกโดยที่ยังต้องใช้แรงงานเป็นหลัก ตามแผน EPCG ดังกล่าว รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในการซื้อเครื่องจักรร้อยละ 2 และยกเว้นอัตราภาษีนำเข้าเครื่องจักรต่อไปอีก 1 ปี จนถึงเดือนมีนาคม 2556 ในอุตสาหกรรมการส่งออกสินค้าผ้าทอมือ ผ้าเช็ดหน้า พรม และอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งสินค้าของเล่น เครื่องเล่นกีฬา สินค้าเกษตรแปรรูป และผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
อนึ่ง การให้ความช่วยเหลือภายใต้แผน EPCG ในช่วงปี 2554 – 2555 ที่ผ่านมา รัฐบาลต้องใช้เงินอุดหนุนคิดเป็นมูลค่า 199 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และประมาณการว่าการขยายแผนดังกล่าวต่อไปอีก 1 ปีจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีก 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ใบอนุญาตยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบแก่ผู้ส่งออก
มาตรการสำคัญอีกประการหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจในการผลิตภายในประเทศของอินเดีย คือการให้ใบอนุญาตยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าที่เป็นวัตถุดิบแก่ผู้ส่งออก และใบอนุญาตนี้ยังสามารถใช้ในการยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับวัตถุดิบภายในประเทศด้วย ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้ามากขึ้น และลดการขาดดุลทางการค้าลงเหลือร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ ทั้งนี้ ในปี 2554 ดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียลดต่ำลงจนเหลือร้อยละ 4 ของ GDP ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินรูปีของอินเดียเป็นอย่างมาก โดยในปี 2554 อินเดียมีการส่งออก 303,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่มีการนำเข้า 489,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ขาดดุลการค้า 186,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแผนกระตุ้นการส่งออกของอินเดียทำให้รัฐบาลขาดรายได้จากการเก็บภาษีรวมทั้งสิ้นมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มาตรการอื่นๆ
แผนเพิ่มเติมรายปีนี้ยังประกอบไปด้วยการขยายตลาดเป้าหมายการส่งออก ตลอดจนการให้สิทธิประโยชน์ในการผลิตเพื่อการส่งออกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และสิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าจากกรุงเดลีและเมืองมุมไบ รวมทั้งสนับสนุนการซื้อขายผ่านระบบ E-Commerce
นอกจากนี้ รัฐบาลจะออกแนวทางสำหรับการกระตุ้นการส่งออกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษี เนื่องจากที่ผ่านมาการส่งออกจาก SEZ ลดลงจากการที่รัฐบาลได้เรียกเก็บภาษีรายได้ขั้นต่ำในอัตราแบบคงที่และเรียกเก็บภาษีเงินปันผลที่จ่ายให้กับนักลงทุน
นายศศินทร์ สุขเกษ/ นางสาวภัทรมน กนิษฐานนท์
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ
มิถุนายน 2555