สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์ 25 - 31 มีนาคม 2560 (อินเดีย)
1. บริษัท Amazon เตรียมแผนในการจัดตั้งร้านค้าปลีกในประเทศอินเดีย
Amazon working on setting up physical stores in India
หลายปีที่ผ่านมาการลงทุนของ Amazon เกี่ยวกับตลาดสินค้าออนไลน์ผ่านระบบ อินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อระบบ ร้านค้าปลีกธรรมดาทั่วไป ซึ่งมองว่า Amazon กำลังบดขยี้พวกเขาให้ไม่สามารถทำการค้าได้ ซึ่ง เป็นการต่อสู้ที่ต่อเนื่องยาวนานมาโดยตลอด แต่นโยบายใหม่ของ Amazon ที่กำลังจะดำเนินการนี้ จะถือเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง ในระบบการค้าปลีกเนื่องจาก Amazon มีแผนการที่จะตั้งร้านค้าปลีก ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ทั่วโลก โดยปัจจุบัน Amazon กำลังทดลองแนวทางการดำเนินงานของร้านค้า ดังกล่าวอยู่ ซึ่งจะเป็นการเปิดแนวรบใหม่ในสังเวียน การค้าปลีกในร้านค้าทางกายภาพ นอกเหนือไปจากตลาดสินค้าออนไลน์ที่ Amazon ถือได้ว่าเป็น ผู้ค้ารายใหญ่ในระบบตลาดโลกแล้ว
ที่มาภาพ : economictimes.indiatimes.com
ทั้งนี้หากการทดลองทำการตลาดและการค้าปลีกของร้านค้า Amazon ประสบ ความสำเร็จ อาจเป็นปัญหาใหญ่สำคัญที่ร้านค้าปลีกลักษณะนี้ของ Amazon จะเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ ค้าปลีกแบบกายภาพที่แท้จริงในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขายังสามารถแนะนำรูปแบบใหม่ ของระบบอัตโนมัติทำให้งานค้าปลีกแบบดั้งเดิมตกอยู่ในอันตราย ในขณะเดียวกันการค้นหา ร้านค้าเหล่านั้นใกล้กับบ้านของลูกค้าอาจช่วยให้Amazon สามารถส่งมอบค าสั่งซื้อทาง อินเทอร์เน็ตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดย Amazon กำลังสำรวจความคิดในการสร้างร้านค้าเพื่อขาย เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในบ้านเช่น ตู้เย็น เนื่องจากสินค้าประเภทเหล่านี้ผู้ซื้อไม่สามารถ ตัดสินใจซื้อได้ผ่านระบบการค้าออนไลน์ เนื่องจากไม่ได้สัมผัสสินค้าจริง อย่างไรก็ตามแผนการนี้ยัง ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนัก แต่คาดว่าจะเป็นลักษณะร้านค้าที่เป็นการจัดแสดงสินค้า ที่ให้ผู้ซื้อเข้ามาเลือกซื้อจากนั้นสินค้าจะถูกจัดส่งไปยังผู้ซื้ออัตโนมัต
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวแตกต่างจากคลังสินค้า เพราะ Amazon จะมีการจัดแสดงในลักษณะที่ ผู้ซื้อจะได้เห็นภาพว่าหากซื้อสินค้าอย่างตู้เย็น เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ไปแล้วจะถูกจัดวางในบ้านของผู้ซื้อในลักษณะใดได้บ้าง กล่าวคือมีการจำลองพื้นที่บ้านมาไว้ภายในร้านค้าของ Amazon เพื่อสร้าง ภาพที่ชัดเจนให้ผู้ซื้อ Amazon ยังมีแนวคิดร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายคลึงกับศูนย์การค้าปลีก ของ Apple ร้านค้าเหล่านี้จะเน้นหนักในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ในขณะที่อีกส่วนคือร้านค้าของชำซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญของ Amazon โดยบริษัท ได้เปิดร้านสะดวกซื้อที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ขาย และกำลังจะมีการเปิดตัวร้านค้าดังกล่าวถึง 2 แห่ง เร็วๆนี้ ซึ่งเป็นร้านค้าที่ผู้ขับขี่สามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องลงจากรถ โดยแผนดังกล่าวจะทดลองที่ เมือง Seattle แนวคิดดังกล่าวจึงไปกว่าร้านค้าปลีกโดยทั่วไป
สำหรับแผนการในต่างประเทศ Amazon กำลังมุ่งเป้าไปที่ประเทศอินเดียสำหรับในส่วน ของแผนการร้านค้าปลีก เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีขนาดใหญ่มากและยังคงเป็นที่นิยมของประชาชนชาวอินเดีย ทั้งนี้ตลาดดังกล่าวยังคงถูกครอบครองโดยร้านค้าปลีกแบบดั่งเดิม โดยโครงการ ดังกล่าวได้รับการขนานนามว่า Project Everest สำหรับการทำการตลาดการค้าปลีกในประเทศ อินเดีย โดยการเติบโตทางด้านสินค้าออนไลน์ของ Amazon เป็นผลสำคัญจากการมีแนวคิดที แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยนับตั้งแต่การก่อตั้ง Amazon ในทศวรรษที่ 1990 Amazon ถูกตั้ง คำถามอย่างมากภายหลังจากดำเนินการเปิดตลาดสินค้าออนไลน์ทั้งที่ช่วงดังกล่าวร้านค้าปลีก ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตามด้วยวิสัยทัศน์ที่แปลกใหม่ดังกล่าว Amazon แสดงให้เห็น แล้วว่าการเดินทางของพวกเขามาถูกทาง เพราะคงไม่มีใครไม่รู้จัก Amazon ในช่วงเวลานี้ ถึงแม้ว่า Amazon จะประสบความสำเร็จอย่างมากในการค้าขายสินค้าออนไลน์ แต่ความจริงที่ หลีกเลี่ยงไม่ได้คือผู้คนยังคงเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองอยู่เช่นกัน
โดยจากการสำรวจพบว่าร้านค้าปลีกยังคงเป็นตัวแสดงหลักของการซื้อขายทุกประเทศ และจากตัวเลขพบว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในปัจจุบัน กินสัดส่วนการตลาดกว่า 770 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับการลงทุนของ Amazon ที่เปิดตัวร้านค้าออนไลน์ รวมถึงสินค้าของสดต่างๆ ที่ ดำเนินงานมากกว่า 10ปี แต่กลับมีการเจริญเติบโตเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นผลสำคัญจากพฤติกรรม ของผู้คนที่ยังคงนิยมการมองดูความสดของสินค้าด้วยตนเองมากกว่า และอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ คือค่าบริการจัดส่งสินค้าที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง โดยปัจจุบันสมาชิกร้านค้าปลีกและของสดออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3 ของตลาดในอเมริกา และคิดเป็นร้อยละ 10 ของตลาดในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญให้ข้อสังเกตว่าสินค้าไม่ใช่ทุกชนิดที่สามารถดำเนินการ ผ่านระบบดิจิตอลได้ เพราะประสบการณ์ของผู้คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในร้านค้าเป็นสำคัญ ด้วย แนวคิดนี้จึงเป็นที่มาของการดำเนินการลงทุนร้านค้าปลีกทางด้านกายภาพที่มากขึ้นของ Amazon ทั้งนี้ปัจจุบันมูลค่าตลาดสินค้าออนไลน์ของ Amazon มีสูงถึง 4 แสนล้านดอลลาร์
ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป Amazon คาดว่าจะเปิดร้านขายของชำสองแห่งแรกในย่าน Ballard และ SoDo ของ Seattle ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารออนไลน์และสามารถตั้งเวลาที่จะ มารับสินค้าด้วยตนเองได้ด้วย ซึ่งบริการนี้อำนวยสะดวกให้สำหรับผู้ซื้อไม่ต้องลงจากรถ แต่ สามารถรับสินค้าที่ตนเองสั่งได้ ร้านค้าปลีกที่จะดำเนินงานขายของชำที่จัดตั้งขึ้นจำนวนมากกำลัง ทดลองใช้วิธีการ "คลิกและรับสินค้า" เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อขายสินค้า ซึ่งจะรวบรวมห้าง ค้าปลีกขนาดใหญ่จำนวนมากรวมถึง Wal-Mart Kroger และอื่น ๆ บริษัทยังได้พัฒนาเทคโนโลยสำหรับการตรวจจับลูกค้าโดยอัตโนมัติเมื่อลูกค้าเข้าไปในที่จอดรถ เพื่อให้สามารถสั่งซื้อและจัดส่ง สินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
้ทั้งนี้ Amazon ยังได้มีการริเริ่มจัดทำแผนงานและร้านค้า Amazon Go ซึ่งวางอยู่บน แนวคิดการเป็นร้านค้าสะดวกซื้อ ที่ขายสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ที่พร้อมรับประทาน ตามอาคาร สำนักงานต่างๆ โดยประชาชนทั่วไปสามารถมองเห็นพ่อครัวที่ทำอาหารได้อุตสาหกรรมค้าปลีก ได้รับความหลงใหลจากเทคโนโลยีของ Amazon Go เนื่องจาก บริษัท เปิดตัวร้านเมื่อปลายปีที่ แล้ว ร้านค้าใช้ชุดเซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับรายการอาหาร ที่ผู้ซื้อออกจากชั้นวาง โดยอัตโนมัติดังนั้นพวกเขาสามารถซื้อสินค้าโดยที่ไม่ต้องไปที่ผู้ขายเลย ซึ่งสามารถทำได้อัตโนมัติ เช่นเดียวกับระบบของ Uber ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ Amazon กำลังเอามาปรับใช้กับร้านค้า ปลีกแบบกายภาพ ทั้งนี้ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวยังคงจำกัดให้เพียงพนักงานของ Amazon เท่านั้นที่ใช้ได้ ซึ่งคาดว่า Amazon จะมีแผนงานที่จะขยายโครงการดังกล่าว ไปสู่รูปแบบการค้า ปลีกทั่วไป ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึง อย่างไรก็ตามถ้า Amazon ประสบความส าเร็จใน กระบวนการ checkout โดยอัตโนมัติผลกระทบในระยะยาวสำหรับการจ้างงานอาจเป็นเรื่องที่ กว้างขวาง เนื่องจากผู้ค้าปลีกรายอื่นอาจทำทุกอย่างเพื่อคัดลอกนวัตกรรมนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบ กับประชาชนกว่า 3.4 ล้านคนที่ทางานเป็นผู้ขายในร้านสะดวกซื้อในสหรัฐอเมริกา
วิเคราะห์ : การพยายามเปิดตลาดการค้าปลีกแบบกายภาพของ Amazon ไม่ใช่เพียงสร้าง ผลกระทบต่อระบบการค้าปลีกในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น หากแต่สร้างแรงสั่นสะเทือนใน ระบบการค้าโลกเลยก็อาจกล่าวได้ เนื่องจากปัจจุบันการครอบครองตลาดการค้าออนไลน์ของ Amazon สร้างผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อระบบการค้าปลีกทางกายภาพอยู่แล้ว และจาก เนื้อข่าวข้างต้นเป็นที่ชัดเจนว่า Amazon กำลังเตรียมพร้อมอย่างแข็งขันในการลงสู่สังเวียนการค้า ปลีกทางกายภาพอย่างเป็นทางการ โดยอาศัยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่มากมาย เพื่ออำนวยความ สะดวกให้กับผู้ซื้อ ซึ่งแน่นอนว่าระบบนี้จะผนวกกับระบบการค้าออนไลน์เดิมของ Amazon ซึ่งจะ สร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบการค้าปลีกที่ Amazon วางเป้าจะเข้าไปลงทุน แน่นอนว่า การจ้างงานถือเป็นเรื่องที่ระบบใหม่ของ Amazon จะสร้างปัญหามากที่สุด เนื่องจากร้านค้าปลีก ของ Amazon จะไม่มีผู้ขาย แต่ใช้ระบบการตัดเงินอัตโนมัติ การลดการจ้างงานดังกล่าวสร้างผล กำไรแก่ Amazon ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกอื่น ในขณะเดียวกันก็สกัดปัญหาเรื่องอารมณ์ ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แน่นอนว่าผลกระทบนี้อาจส่งผลถึงระบบการค้าปลีกในประเทศ ไทยได้ หาก Amazon มีการขยายฐานการลงทุนไปครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของโลกมากยิ่งขึ้น จึง เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาแนวทางนี้ของ Amazon ภายหลักจากมีการลงทุนอย่างเป็น ทางการ เพื่อช่วยพัฒนาภาคธุรกิจของไทยให้สามารถแข่งขัน หรือสามารถเข้าเป็นเครือข่ายของ Amazon ได้ อันจะส่งเสริมให้ตลาดและเศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
Source: THE ECONOMIC TIMES. Mar 20, 2017.
2. GST Bill ที่ก าลังถกเถียงในโลกสภาอาจลดอ านาจของรัฐสภาในการจัดเก็บภาษี
GST Bill in Lok Sabha abrogates Parliament sovereignty on taxation
นิวเดลี: พรรคคองเกรสมีการกล่าวหาว่า GST Bill ที่กำลังเข้าสู่วาระของโลกสภาอาจมี ผลกระทบต่อบทบาทของรัฐสภาในการจัดเก็บภาษี ซึ่งถือเป็นการทำลายโครงสร้างครั้งใหญ่ของ ระบบการปกครองของอินเดีย (federal states) ผู้นำพรรคคองเกรส นาย M Veerappa Moily ให้ความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของประเทศใดๆ ที่ อำนาจการตัดสินใจเรื่องภาษีไม่ได้อยู่ใน อำนาจของรัฐสภาและถ่ายโอนไปให้ฝ่ายบริหารทั้งนี้เขากล่าวเพิ่มเติมว่าพรรค คองเกรสได้ผลักดันและคิดริเริ่มเกี่ยวกับ GST bill ในปี ค.ศ. 2010 แต่ถูกโจมตี อย่างมากภายในรัฐสภา จนนับตั้งแต่นั้น เป็นต้นมากฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับ เรื่องภาษีและการเงินไม่ถูกนำเข้าสู่รัฐสภาอีกเลย เขากล่าวเพิ่มเติมว่าการชะงักของ พระราชบัญญัติโดยการต่อต้านของพรรค BJP ดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสกว่า 1.2 ล้านล้านรูปี ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เขายำชัดว่าเขาไม่ได้ต่อต้านพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ มองว่าข้อบกพร่องดังกล่าวจะนำพาประเทศให้ถอยหลัง และนี่จะถือเป็นการตอกฝาโลงให้กับ รัฐสภาอินเดียสำหรับการพิจารณาเรื่องทางการเงินในรัฐสภาหลังจากพระราชบัญญัติ GST ประกาศใช้ เขากล่าวว่าสมาชิกของรัฐสภาจากปีหน้าหรือหลังจากนี้ จะไม่มีโอกาสพูดคุยเรื่อง Finance Bill
ที่มาภาพ : economictimes.indiatimes.com
เขายังได้แสดงความกังวลว่าสิทธิของโลกสภา และ ราชสภา ในการพิจารณาประเด็นทาง การเงิน จะถูกยึดครองไปภายหลังจากที่พระราชบัญญัตินี้ผ่านรัฐสภา จึงถือเป็นการสูญเสียทั้ง เสรีภาพ ความเป็นอิสระและอำนาจอธิปไตยของรัฐสภาในการตัดสินใจทางการเงินครั้งใหญ่ของ ประเทศ เขายังชี้เพิ่มเติมว่ามีบางอย่างที่ระบุในรัฐธรรมนูญของอินเดียหรืออนุสัญญาที่อยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าไม่สามารถมอบให้กับผู้บริหารได้หนึ่งในนั้นคืออำนาจในการพิจารณาทาง การเงินซึ่งถูกยึดครองโดยฝ่ายบริหารแล้ว
เขากล่าวเสริมด้วยว่าในที่สุดสภา GST จะตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่และการจัดเก็บ ภาษีและรัฐบาลจะเป็นผู้ออกกฎหมายต่างๆออกมารองรับ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศ อินเดีย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกฎหมายกล่าวเพิ่มเติมว่านับแต่นี้ไปการแถลงและนำเสนอ งบประมาณจะเป็นเพียงการชี้แจงบัญชีให้รัฐสภารับฟังเท่านั้นเนื่องจากไม่มีการพูดคุยเรื่องการ จัดเก็บภาษีอากร
บทวิเคราะห์: จากเนื้อข่าวแสดงให้เห็นว่าอินเดียมีการปฏิรูปโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ที่มอบ อำนาจอย่างเต็มที่ให้กับฝ่ายบริหารในการบริหารจัดการเกี่ยวกับเรื่องทางการเงิน ซึ่งในอดีตต้อง ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาด้วย สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการลงทุนของประเทศ เนื่องจากจะ สามารถทำให้มาตรการทางด้านภาษีดำเนินการได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการ เติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจอินเดีย ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวอาจมีทั้งผลในเชิงบวกและในเชิง ลบ ซึ่งยังต้องติดตามดูการปฏิบัติต่อไป
ข้อเสนอแนะ: ควรมีการติดตามสถานการณ์พระราชบัญญัติ GST อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ส่งผลอย่างสำคัญต่อระบบภาษีภายในประเทศอินเดีย ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคสำหรับนัก ลงทุนชาวไทยในการเข้ามาลงทุนและร่วมทำการค้ากับประเทศอินเดีย
Source: THE ECONOMIC TIMES. Mar 29, 2017.
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่าอัตราภาษีสินค้าและบริการจะไม่ส่งผลให้เกิด ภาวะเงินเฟ้อ
GST rates will have no inflationary impact: Arun Jaitley
นิวเดลี: เพื่อที่จะบรรเทาความหวั่นวิตกของ ประชาชนจากความกังวลว่าสินค้าจะมีราคาเพิ่มขึ้น หลังจากที่กฎหมายภาษีสินค้าและบริการจะถูก ประกาศใช้ นาย Arun Jaitley รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ได้ออกมาประกาศว่า อัตราภาษีจะถูกจำกัดไว้ในระดับเดิม เพื่อที่จะไม่ให้ป้องกันไม่ให้ เกิดภาวะเงินเฟ้อ นาย Jaitley กล่าวว่า กฎหมายภาษีและบริการฉบับใหม่จะได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาล และอนุมัติในแต่ละรัฐเพื่อที่จะทำให้อินเดียมีอัตราภาษีเท่ากันทั่วทั้งประเทศ
ที่มาภาพ : economictimes.indiatimes.com
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่า หน้าที่ของคณะกรรมาธิการจัดทำภาษี สินค้าและบริการคือการตัดสินใจในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างภาษี ซึ่งกระบวนการ ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของอินเดีย โดยจะเป็นการแบ่งปันอำนาจอธิปไตยระหว่างระบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่น
นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย และสมาชิกสภาอาวุโสได้เข้าร่วมประชุมใน สภาเพื่อพิจารณากฎหมายสี่ฉบับที่เกี่ยวข้องกับภาษีสินค้าและบริการ โดยกฎหมาทั้งสี่ฉบับได้แก่
1) the Central Goods and Services Tax Bill, 2017
2) the Integrated Goods and Services Tax Bill, 2017
3) the Goods and Services Tax (Compensation to States) Bill, 2017
และ 4) the Union Territory Goods and Services Tax Bill, 2017
โดยที่ the Central GST หรือ CGST จะให้อำนาจกับรัฐบาลกลางในการจัดเก็บภาษี สำหรับภาษีสรรพสามิตและภาษีการบริการ ตลอดจนภาษีศุลกากรก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วน the Integrate GST หรือ IGST จะเป็นภาษีที่จะเก็บโดยรัฐบาลกลางสำหรับสินค้าและบริการที่ ขนส่งระหว่างรัฐท้องถิ่น
รััฐบาลท้องถิ่นจะต้องอนุมัติกฎหมาย the State GST หรือ SGST ที่จะอนุญาตให้รัฐบาล ท้องถิ่นจะกับภาษีการขายซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT
นอกจากนี้กฎหมาย GST compensation law อนุญาตให้มีการกำหนดการเก็บภาษี ท้องถิ่นสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะ เช่น ยาสูบ รถยนต์ราคาแพง ซึ่งจะเป็นรายได้ส ำคัญ สำหรับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อชดเชยจากภาษีที่หายไปหลังจากการประกาศใช้กฎหมายภาษีสินค้าและ บริการในช่วง 5 ปีแรก
ส่วน Union Territory GST หรือ UTGST กำหนดให้กับดินแดนสหภาพ เช่น Chandigarh, Daman และ Diu ซึ่งไม่มีสภาเป็นของตัวเอง
นาย Jaitley กล่าวว่า คณะกรรมการภาษีสินค้าและบริการจะเป็นผู้ที่ตัดสินใจในทุก ประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมายภาษีสินค้าและบริการ โดยกระบวนการต่างๆ จะเป็นไปตามโครสร้าง ของสหพันธรัฐ นอกจากนี้แล้ว จะต้องมีการใส่ใจในรายละเอียดเพื่อรับรองว่ากฎหมายที่จะออกมา นั้นจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการภาษีสินค้าและบริการซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทน 32 คนจากรัฐบาล ท้องถิ่นและดินแดนสหภาพ ได้มีการจัดประชุมไปแล้ว 12 ครั้ง เพื่อรับรองฉันทามติในการปรับใช้ ภาษีสินค้าและบริการดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า คณะกรรมาธิการภาษีสินค้าและบริการจะได้ แนะนำแนวทางให้กับรัฐบาลและรัฐบาลท้องถิ่นเกี่ยวกับโครงสร้างของภาษีรูปแบบใหม่นี้ โดยภาษีสินค้าและบริการจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบภาษีและการรับรองการ เคลื่อนที่ของสินค้าได้อย่างอิสระทั่วทั้งประเทศ
เขายังได้อธิบายถึงระดับการเก็บภาษีที่หลากหลายภายใต้กฎหมายภาษีฉบับใหม่นี้ โดยที่ คณะกรรมาธิการภาษีสินค้าและบริการได้รับรองรูปแบบภาษี 4 ระดับ ได้แก่ อัตราภาษีร้อยละ 5, 12, 18 และ 28 บวกกับอัตราภาษีท้องถิ่นที่จะเก็บกับสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างรถหรูหรือยาสูบ ซึ่ง การผลักดันการบังคับใช้ระดับภาษีดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเดือนหน้านี้
บทวิเคราะห์: การแก้ไขกฎหมายภาษีให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วทั้งประเทศจะส่งผลดีต่อ นักลงทุนและนักธุรกิจที่สนใจค้าขายสินค้ากับอินเดีย เพราะจะไม่ต้องพบกับความยุ่งยากและ ซับซ้อนในการจัดการเรื่องภาษีสินค้าและบริการจากเดิมที่มีหลายรูปแบบ หลายระดับที่แตกต่าง กันไปในแต่ละพื้นที่
Source: THE ECONOMIC TIMES. Mar 29, 2017.
4. 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวร่างกฎหมาย GST โดยสภา Lok Sabha
Lok Sabha takes up GST Bill today: 10 facts
หวังว่ากฏหมายเรื่อง GST จะผ่านมติของ สภา: Jaitley
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Arun Jaitley กล่าวว่า การเรียกเก็บเงินภาษี สินค้าและบริการหรือ GST ถือเป็น "การ ปฏิวัติ" โดยเขาหวังว่ากฎหมายที่เกี่ยวทั้งหมด จะผ่านมติพิจารณาของรัฐสภาปัจจุบัน
ที่มาภาพ : economictimes.indiatimes.com
คองเกรสแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมาย GST
พรรคคองเกรสจะแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายภาษีสินค้าและบริการหรือ GST ในวัน พุธ เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อบัญญัติบางอย่างในร่างกฎหมาย ผู้นำอาวุโสรวมถึง Rahul Gandhi รองหัวหน้าพรรค ได้กล่าวว่า พรรคไม่ควรถูกมองว่าเป็นพรรคที่ต่อต้านระบอบภาษีที่ เสนอ และหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสกล่าวว่า "โดยทั่วไปเราสนับสนุนร่างกฎหมาย เราจะนำมุมมองของเราในวันพรุ่งนี้และแก้ไขเท่าที่จำเป็น" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง Arun Jaitley ได้นำเสนอร่างกฎหมาย GST จำนวน 4 ฉบับในสภา Lok Sabha ซึ่งมีอัตราภาษีที่จะเก็บสูงสุดถึง 40% โดยกฎหมายฉบับใหม่นี้ยังกำหนดให้มีการจัดตั้ง องค์กรต่อต้านการทุ่มตลาด ซึ่งจะเห็นถึงประโยชน์ของภาษีที่ต่ำกว่าจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค เช่นเดียวกับการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ผู้บริโภค
คณะรัฐมนตรีท าความเข้าใจร่างกฎหมาย GST
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม คณะรัฐมนตรีได้ทำความเข้าใจร่างกฎหมายใหม่ทั้ง 4 ฉบับ เพื่อไป อภิปรายในสภา Lok Sabha ในวันที่ 29 มีนาคม คณะรัฐมนตรีที่มีนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอนุมัติร่างกฎหมาย ภาษีสินค้าและบริการภาษีส่วนกลาง ปี 2560 หรือ The CGST Bill โดยร่างกฎหมายภาษีสินค้า และบริการดังกล่าว จะครอบคลุมไปถึง ภาษีสินค้าและบริการของแต่รัฐต่าง (The UTGST Bill) ) และ ภาษีสินค้า และ บริการส่วนกลาง (The Compensation Bill)
CGST Bill
ร่างภาษีสินค้าและบริการส่วนกลางหรือ CGST ซึ่งจะรวมภาษีอากรกลางของรัฐบาลกลาง เช่น ภาษีการขายภาษีบริการ ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากรเพิ่มเติม (อากรศุลกากร) ภาษีศุลกากรพิเศษ ภาษีศุลกากรพิเศษและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม CGST กำหนดภาษีสูงสุดไม่เกิน 20
IGST Bill
นอกจากนี้ยังมีการเรียกเก็บเงินจาก Integrated GST ซึ่งจะเรียกเก็บและเก็บรวบรวมภาษี จากรัฐต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าและบริการระหว่างรัฐ ซึ่งได้รับการแนะน าในสภา Lok Sabha กฎหมาย IGST ก าหนดอัตราภาษีสูงสุดไม่เกิน 40% ซึ่งจะแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างรัฐบาลกางกับ รัฐบาลท้องถิ่น
UTGST Bill
การเรียกเก็บภาษีของดินแดนสหภาพจะครอบคลุมภาษีใน UTs ของ Chandigarh หมู่ เกาะอันดามัน Nicobar Lakshadweep Dadra และ Nagar Haveli และ Daman and Diu
The Compensation Bill
Jaitley ยังได้ออกกฎหมายฉบับที่ 4 เรียกว่าร่างกฎหมาย GST 2017 ซึ่งเป็นกลไกที่ท าให้ ไม่เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐจากการแนะน า GST ในช่วง 5 ปีแรกของการเปิดตัว
สภา GST เตรียมสรุปกฎหมายทั้งหมด
สภา GST ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีกระทรวงการ ต่างประเทศได้อนุมัติกฎหมายทั้งหมด 4 ฉบับในการประชุม 12 ครั้ง สภาจะพบกันอีกครั้งในวันที่ 31 มีนาคม และ จะเสร็จสิ้นกฎหมายดังกล่าว และรูปแบบสาหรับระบบภาษีใหม่
FM เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่จะต้องผ่านร่างกฎหมาย GST ในฤดูกาลนี้ให้ได้
รัฐบาลได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่จะต้องผ่านร่างกฎหมาย GST ในระหว่างช่วงเวลา ปัจจุบันของรัฐสภา โดยกล่าวว่า รัฐบาลกลางและรัฐท้องถิ่นต่างๆต้องสูญเสียสิทธิในการเก็บภาษี ทางอ้อม ตั้งแต่ 15 กันยายน ปีที่ผ่าน ซึ่งแถลงการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำหรับการเปิดตัวร่าง กฎหมาย GST ได้เปิดตัวตั้งแต่ 16 กันยายน 2016 และให้ใช้เวลาหนึ่งปีในการเปลี่ยนไปใช้ระบบ ภาษีใหม่ดังกล่าว "ดังนั้นหลังจากวันที่ 15 กันยายนปีนี้สิทธิทางกฎหมายในการเรียกเก็บภาษีจะ สิ้นสุดลง ดังนั้นระบบภาษีใหม่จะมาถึงก่อนวันที่ 15 กันยายน"
บทวิเคราะห์: การที่รัฐบาลอินเดียจะผ่านกฎหมายเกี่ยวกับภาษี GST ใหม่ทำให้รายได้ของ รัฐที่จะได้รับมีปริมาณสูงขึ้น แต่ในทางกลับกันจะทำให้ค่าครองชีพของคนในอินเดียสูงขึ้นตามไป ด้วย ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆที่อินเดียประสบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องความเหลื่อมล้าทางรายได้ที่ เกิดขึ้น
Source: THE ECONOMIC TIMES. Mar 29, 2017