อินเดียมาแรงแซงหน้าบราซิลขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 6 ของโลก
อินเดียแซงหน้าบราซิลเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 6 ของโลกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 แล้ว ด้วยจำนวนผลิต 2.04 ล้านคัน และคาดว่าภายในปี 2560 อินเดียจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ถึง 7 ล้านคัน แซงหน้าญี่ปุ่น เยอรมนีและเกาหลีใต้ ขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เร็วขึ้นกว่าเดิมจากที่เคยคาดการณ์กันว่าอินเดียจะแซงขึ้นเป็นอันดับ 3 ภายในปี 2563
จากการเปิดเผยของ Organisation Internationale des Constructeurs d’Automobiles (OICA) ทำให้ได้รับทราบว่าแม้อินเดียจะประสบกับปัญหาอัตราดอกเบี้ยสูงและราคาน้ำมันสูง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าอินเดียก็จะสามารถเลื่อนลำดับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลกจนได้ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยในปี 2553 ที่ผ่านมา อินเดียได้แซงสเปนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกและกำลังเดินหน้าต่อไปที่จะผลิตรถยนต์ให้ได้ 7 ล้านคันภายในปี 2560 เพื่อเลื่อนอันดับแซงหน้าญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ มาอยู่ในอันดับ 3 ของโลกต่อไป
สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคม-มิถุนายน 2554) อินเดียผลิตรถยนต์ได้ 2.04 ล้านคัน สูงกว่าบราซิลซึ่งผลิตได้ 1.71 ล้านคัน ร้อยละ 20 ส่วนจีนสามารถผลิตได้ 9.16 คัน มากเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกาซึ่งผลิตได้ 4.27 ล้านคัน ญี่ปุ่น 3.43 ล้านคัน เยอรมนี 3.11 ล้านคัน และเกาหลีใต้ 2.30 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจีนจะสามารถผลิตรถยนต์ได้จำนวนมากถึง 9.16 ล้านคัน แต่ถ้าเทียบในแง่ส่วนแบ่งการผลิต (Production Share) แล้ว พบว่าอินเดียมีส่วนแบ่งการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 โดยอินเดียสามารถผลิตรถยนต์ได้กว่า 1 ใน 5 ของจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเอเชียตะวันออก นอกจากนั้น อินเดียยังมีส่วนแบ่งการผลิตรถยนต์โลกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 จากเดิมที่มีส่วนแบ่งอยู่ร้อยละ 4.5 ในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจาก OICA แล้ว บริษัท Price Water House & Coopers ยังอออกมายืนยันด้วยว่า อินเดียจะสามารถผลิตรถยนต์ขนาดเล็กไม่เกิน 5 ตันได้ถึง 7 ล้านคันในปี 2560 แม้ว่ายอดขายภายในประเทศจะลดลงไปบ้างในปีนี้ แต่ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังคงดีอยู่ ประกอบกับตลาดรถยนต์ของอินเดียยังคงเป็นตลาดหนึ่งที่มีการเจริญเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ก็จะทำให้อินเดียสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ โดยในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2554 อินเดียมีอัตราการเจริญเติบโตของยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศถึงร้อยละ 7.8 ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ 2.73 ล้านคัน รองจากสหรัฐอเมริกาที่มีอัตราการเจริญเติบโตของยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศถึงร้อยละ 10.54 ด้วยยอดจำหน่าย 4.27 ล้านคัน และเยอรมนีที่มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 8.0 ด้วยยอดจำหน่ายภายในประเทศ 2.93 ล้านคัน ส่วนญี่ปุ่นยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศมีอัตราลดลงถึงร้อยละ 20.2 ด้วยยอดจำหน่ายภายในประเทศ 3.47 ล้านคัน ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ญี่ปุ่นประสบภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวและสึนามิในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ลดลงร้อยละ 17.0 และยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศลดลงร้อยละ20.2 เหลือเพียง 3.47 ล้านคัน
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งอินเดียได้ออกมาให้ข้อมูลว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราการครอบครองรถยนต์ต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยเฉลี่ยแล้วอินเดียมีรถยนต์เพียง 10 คันต่อประชากรจำนวน 1,000 คน ในขณะที่เยอรมนีมีรถยนต์เฉลี่ยถึง 565 คันต่อประชากรจำนวน 1,000 คน และสหรัฐอเมริกามีรถยนต์เฉลี่ย 453 คันต่ประชากร 1,000 คน ดังนั้น ตลาดอินเดียจึงยังเป็นตลาดที่จะยังคงเติบโตต่อไปในระยะยาว เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะเพิ่มอัตราการครอบครองรถยนต์ได้อีกมาก ทั้งนี้ บริษัท J D Power ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดได้ออกมาพยากรณ์ว่าตลาดรถยนต์ในอินเดียจะเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 3 เท่าภายในปี 2563 โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์กว่า 11 ล้านคัน
ยอดผลิตรถยนต์ของประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2554 |
|||
ประเทศผู้ผลิต |
จำนวนผลิต (ล้านคัน) ม.ค.-มิ.ย. 2554 |
ยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ (ล้านคัน) ม.ค.-ต.ค. 2554 |
% ∆ ยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ (ม.ค.-ต.ค. 2555) |
จีน |
9.16 |
15.16 |
3.15% |
สหรัฐอเมริกา |
4.27 |
10.54 |
10.1% |
ญี่ปุ่น |
3.43 |
3.47 |
-20.2% |
เยอรมนี |
3.11 |
2.93 |
8.00% |
เกาหลีใต้ |
2.30 |
1.23 |
2.80% |
อินเดีย |
2.04 |
2.73 |
7.80% |
ที่มา: 1. ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนการผลิตจาก Organisation Internationale des Constructeurs d’Automobiles (OICA)
2. ข้อมูลเกี่ยวกับยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศจากอุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดีย
เมื่อมองในด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ พบว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศของอินเดียได้แซงหน้าเกาหลีใต้ไปแล้ว โดยอินเดียมียอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2554 จำนวน 2.73 ล้านคัน ในขณะที่เกาหลีใต้มียอดจำหน่ายภายในประเทศในช่วงเดียวกันเพียง 1.23 ล้านคันเท่านั้น นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตของยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศก็พบว่าอินเดียมีอัตราการเจริญเติบโตนสูงกว่าเกาหลีใต้มาก คือ อยู่ที่อัตราร้อยละ 7.80 ในขณะที่ของเกาหลีใต้เองมีอัตราการเจริญเติบโตเพียงร้อยละ 2.80 เท่านั้น และเมื่อเทียบกับเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลกพบว่าอินเดียมียอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2554 น้อยกว่าเยอรมนี เพียง 200,000 คันเท่านั้นเอง
ในด้านการส่งออก อินเดียมีการส่งออกรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2554 จำนวน 489,675 คัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.45 ในขณะที่จีนซึ่งมีส่วนแบ่งการผลิตถึงร้อยละ 24 ของการผลิตรถยนต์โลกกลับมียอดการส่งออกเพียง 703,341 คันเท่านั้น
บทสรุปสำหรับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทย
การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียย่อมส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีความเข้มแข็งมากอุตสาหกรรมหนึ่ง รวมไปถึงอุตสาหกรรมผลิตยางพาราที่นำไปใช้ในการทำยางรถยนต์อีกด้วย อินเดียจึงเป็นตลาดที่ไทยไม่สามารถมองข้ามไปได้ ทั้งนี้ เพราะในแง่ Logistics ไทยยังถือว่ามีความได้เปรียบอยู่มาก เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และยางรถยนต์ของอินเดีย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรัฐทมิฬนาดู (Tamil Nadu) ทางด้านตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากและการขนส่งสินค้าทางเรือก็ทำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การเข้าตลาดอินเดียจะต้องค่อยเป็นค่อยไปและใช้เวลานานกว่าที่ตลาดจะปรับตัวรับกับสิ่งใหม่ๆ แต่สิ่งที่ภาคเอกชนไทยจะมองข้ามไม่ได้ คือ โอกาสที่ยังมีอีกมากมายมหาศาลโดยเฉพาะอัตราการครอบครองรถยนต์ในอินเดียที่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลานานในการที่จะเพิ่มอัตราการครอบครองรถยนต์ดังกล่าว
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ
มกราคม 2555