ทูตไทยเจรจากระทรวงมหาดไทยอินเดียช่วยคลี่คลายปัญหาวีซ่า
ตามที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ฯ ได้เดินทางมาเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา และได้มีโอกาสพบพูดคุยกับนักธุรกิจไทยที่ทำธุรกิจในอินเดียกว่า 10 รายเพื่อสอบถามถึงปัญหาอุปสรรค รวมทั้งข้อเสนอแนะในการทำธุรกิจที่ภาครัฐจะช่วยสนับสนุนได้นั้น
เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ภาคเอกชนขอความช่วยเหลือจากภาครัฐให้ช่วยเจรจากับอินเดีย คือ ปัญหาการขอวีซ่าประเภททำงาน (employment visa) เพราะเงินเดือนไม่ถึงเพดานที่อินเดียกำหนด คือ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
กฎนี้ มีข้อยกเว้นเฉพาะสามอาชีพ คือ แม่ครัว ครูสอนภาษา (ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ) และเจ้าหน้าที่ของสถานทูต/สถานกงสุล ที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนถึง 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ก็ขอวีซ่าประเภททำงานได้
แต่เอกชนไทยที่ไปทำธุรกิจในอินเดียเดือดร้อน เพราะไปทำธุรกิจสาขาอื่นนอกเหนือจากสามอาชีพที่ได้รับการยกเว้น หลายบริษัทเกิดข้อติดขัดในการทำโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรที่ต้องเข้ามาคุมงานก่อสร้าง ดูแลเครื่องจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร หรือแม้แต่พ่อครัวที่จะมาทำอาหารไทยรสเด็ดเลี้ยงปากท้องให้คนงานไทยตามไซต์งาน หรือพนักงานสปา ที่ต้องการจะมาทำงานในโรงแรมหรู
เรื่องนี้ สถานทูตไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีว่า เป็นปัญหาที่เอกชนไทยหลายบริษัทร้อนใจมานานแล้ว
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ทูตพิศาลฯ ได้ไปพบนาย G.V. Gopal Sarma อธิบดีกรมแรงงานต่างชาติ กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอคำแนะนำ ให้ช่วยหาทางออกให้กับเอกชนไทย ที่มีปัญหาเรื่องวีซ่าประเภททำงาน
การไปพบครั้งนี้ มีข่าวดีมาฝากภาคเอกชน เพราะได้รับคำตอบจากอธิบดีกรมแรงงานต่างชาติว่า กฎนี้มีทางออกสำหรับผู้ที่จะไปทำงานในโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กและพลังงาน โดยสามารถขอวีซ่าประเภท project visa ได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขเงินเดือนขั้นต่ำ เพียงแต่มีข้อกำหนดว่า จะให้วีซ่าในช่วงที่มีการก่อสร้างเท่านั้น หากโครงการสิ้นสุด ต้องกลับประเทศไทยไม่สามารถย้ายไปทำงานที่โครงการอื่นต่อได้
เรื่องนี้ คนที่เดือดร้อน ไม่ได้มีแต่ไทย บริษัทต่างชาติอื่นๆ ก็เจอปัญหาเดียวกัน ดังนั้นในอนาคต กระทรวงมหาดไทยอินเดียก็อาจจะทบทวนผ่อนผันกฎเกณฑ์นี้ โดยการขยายสาขาอุตสาหกรรมให้กว้างขึ้น นอกเหนือจากการก่อสร้างและอุตสาหกรรมเหล็ก เพราะอินเดียเองก็ยังต้องการการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในสิ่งที่อินเดียยังขาดแคลน ทั้งเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน ถนนหนทาง เขื่อน สนามบิน บ้านพักอาศัย ฯลฯ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเข้าใจอินเดียด้วย เหตุที่อินเดียประกาศใช้กฎนี้ ก็เพราะต้องการพัฒนาฝึกฝนแรงงานของตนที่มีอยู่ล้นหลาม ให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของอินเดีย ซึ่งปัจจุบันยังต้องพึ่งเทคโนโลยีจากต่างชาติอยู่มาก
สิ่งที่อินเดียต้องการจากไทย หรือจากนักลงทุนชาติไหนก็ตามแต่ คือให้มีการสอนงานแรงงานชาวอินเดียด้วย ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องที่ไทยต้องกังวล แรงงานอินเดียคงไม่ใช่คู่แข่งของแรงงานไทย เพราะคนไทย ได้ชื่อว่ามีฝีมือในเรื่องต่างๆ อย่างปราณีตขั้นเทพอยู่แล้ว
นอกจากเรื่องวีซ่าประเภททำงานแล้ว ยังมีข่าวดีที่เป็นของแถมสำหรับผู้จาริกแสวงบุญชาวไทย ที่ประสงค์จะเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดียและเนปาล แต่ติดขัดปัญหากฎเกณฑ์อินเดีย ที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวีซ่าประเภทท่องเที่ยวแบบเข้าออกได้หลายครั้ง (tourist visa/multiple entries) ต้องเว้นระยะการเดินทางเข้าอินเดียเป็นเวลาสองเดือน ภายหลังการเดินทางครั้งแรก
อธิบดีกรมแรงงานต่างชาติเล่าว่า ขณะนี้ หน่วยงานหลายฝ่ายในอินเดียตระหนักว่า กฎนี้น่าจะมีผลเสียต่อการท่องเที่ยวของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกนับไม่ถ้วน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกไม่รู้กี่ล้านคน จึงมีแนวโน้มว่า อินเดียจะยกเลิกกฎดังกล่าวในอีกไม่ช้า สถานทูตจะคอยติดตาม และจะแจ้งข่าวให้พี่น้องชาวไทยทราบต่อไป
แต่ก่อนที่จะมีการแก้ไขกฎนี้ คุณ Sarma อธิบดีกรมแรงงานต่างชาติก็ช่วยหาทางออกให้ชาวไทยใจบุญด้วย ทางแก้ปัญหาในขณะนี้ ก็คือ ขอให้ชาวไทยที่จะไปขอวีซ่าจากสถานทูตอินเดีย แจ้งเจ้าหน้าที่กงสุลให้ทราบถึงวัตถุประสงค์การเดินทาง พร้อมมอบกำหนดการเดินทางให้ เจ้าหน้าที่กงสุล จะสามารถออกวีซ่าแบบ neighbourhood tourist visa ซึ่งจะเดินทางเข้า-ออกอินเดียติดต่อกันให้ได้
ข่าวดีเรื่องสุดท้าย อธิบดีกรมแรงงานต่างชาติตอบคำถามทูตไทยเรื่องทำไมยังไม่ให้ visa on arrival กับคนไทยว่า ระบบที่มีอยู่กับบางประเทศในขณะนี้ ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง จึงต้องขอใช้เวลาแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพิจารณาเพิ่มรายชื่อประเทศที่จะได้รับ visa on arrival ที่สนามบิน
แต่ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ต้องรีบเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่ในอินเดียกระทันหัน แต่ติดเสาร์-อาทิตย์ ขอวีซ่าจากสถานทูตอินเดียไม่ได้ ก็สามารถขอวีซ่าชั่วคราว ( temporary landing facility) จากเจ้าหน้าที่ ตม.ที่สนามบินได้ แต่ต้องมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ที่แสดงเหตุผลความจำเป็น หากหลักฐานผ่าน ก็จะได้รับอนุญาตให้พำนักในอินเดียได้ 3 วัน ถ้าจำเป็นต้องอยู่เกินกว่านั้น สามารถขออนุญาตอยู่ต่อได้จากกระทรวงมหาดไทยอินเดีย
หากสถานทูตได้รับข้อมูลข่าวดีที่จะเป็นประโยชน์กับชาวไทยแบบนี้ ก็จะนำมาเผยแพร่ที่เว็บไซต์ของเราเป็นประจำ (www.thaiindia.net / www.thaiemb.org.in ) ท่านสามารถติดตาม ติชมได้เสมอ หรือหากท่านมีข้อข้องใจ ต้องการทราบข้อมูลเรื่องไหน ก็แจ้งให้เราทราบได้เช่นกัน ที่อีเมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์
รายงานจากกรุงนิวเดลี
1 มี.ค. 55