สภาอุตสาหกรรมฯ นำทีมคณะนักธุรกิจไทยเยือนอินเดีย เพื่อศึกษาลู่ทางการค้าการลงทุนในอินเดีย
เมื่อวันที่ 17-22 ตุลาคม 2558 นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้นำคณะนักธุรกิจไทย จำนวน 24 ราย เดินทางมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า India International Trade Fair (IITF) ครั้งที่ 35 ที่กรุงนิวเดลี พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะนายชลิต มานิตยกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำอินเดีย ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558
คณะนักธุรกิจจากสภาอุตสาหกรรมเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือแนวทางการส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจระหว่างไทยกับอินเดียกับท่านทูตชลิตฯ
คณะนักธุรกิจไทยประกอบด้วยผู้แทนจากภาคธุรกิจต่างๆ อาทิ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี อุปกรณ์ไฟฟ้า การแปรรูปอาหาร การพิมพ์และการบรรจุหีบห่อ สิ่งทอ และก่อสร้าง เป็นต้น
งานแสดงสินค้า IITF ถือว่าเป็นงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในอินเดีย โดยภายในงาน คณะนักธุรกิจยังได้เข้าพบผู้แทนระดับสูงจากรัฐเบงกอลตะวันตกและรัฐมหาราษฏระที่ State Pavilion ของทั้งสองรัฐ นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลียังจัดให้คณะได้เข้าพบกับผู้บริหารจาก Federation of Indian Chambers of Commerce and Industry (FICCI) และ Confederation of Indian Industry (CII) ของอินเดีย เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียในสาขาต่างๆ รวมทั้งได้จัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจให้กับคณะฯ ด้วย
นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มอบของที่ระลึกให้แก่ท่านทูตชลิตฯ และนายชวลิต โรจนประภายนต์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
ท่านทูตชลิตฯ ได้กล่าวแก่คณะฯ ในระหว่างการเข้าเยี่ยมคารวะว่า อินเดียได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาในด้านต่างๆ ไปอย่างมาก ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากความสำเร็จและการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านอวกาศของอินเดีย เป็นต้น ในปัจจุบัน รัฐบาลอินเดียกำลังมุ่งพัฒนาประเทศ โดยเน้นเรื่องการแก้ปัญหาและพัฒนาระบบภายในของอินเดียให้ดี ให้สอดรับกับการเปิดประเทศและต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ เช่น มุ่งแก้ปัญหาคอรัปชั่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ เสนอแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อใช้ภาษี Goods and Services Tax (GST) และกฎหมายที่ดิน เป็นต้น
การมุ่ง“เก็บกวาดบ้าน” ของรัฐบาลอินเดียในขณะนี้อาจจะดำเนินไปอย่างไม่รวดเร็วนัก ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีระบบการปกครองและระบบสังคมที่ซับซ้อน อีกส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากการที่นโยบายการปฏิรูปต่างๆ ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมืองที่มีฝ่ายค้านคอยคัดค้านอยู่ ดังนั้น จึงต้องให้เวลาในการพัฒนาประเทศกับอินเดีย ทั้งนี้ เมื่อใดอินเดีย “ขยับ” หรือพัฒนาแม้จะเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่และมีศักยภาพมาก การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของอินเดียก็จะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างมากแน่นอน
ท่านทูตชลิตฯ ได้กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย จัดกิจกรรม “Make in India” Roadshow and Business Opportunity in Thailand ที่โรงแรมดุสิตธานี และเชิญนาย Amitabh Kant ปลัดกระทรวงฝ่ายนโยบายและการส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Policy and Promotion - DIPP) กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย และคณะเอกชนอินเดียเยือนไทยเพื่อร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยกิจกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จด้วยดี นาย Amitabh Kant ได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับศักยภาพด้านเศรษฐกิจของอินเดียในปัจจุบัน และเชิญชวนเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในอินเดีย ขณะเดียวกัน ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ BOI ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งฝ่ายอินเดียได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายด้วย นอกจากนี้ ในกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เอกชนไทยและอินเดียก็สามารถสรุปข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ท่านทูตชลิตฯ กล่าวสรุปว่า ประเทศอินเดียสำคัญและมีศักยภาพอย่างมาก ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้จ่อคิวเข้าไปในอินเดียเพื่อแย่งชิงโอกาสทางธุรกิจกันแล้ว เอกชนไทยไม่ควรรอช้าและควรหันมาพิจารณาตลาดอินเดีย และขออย่าให้ท้อถอยหากประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจกับอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการดำเนินธุรกิจทั้งในและกับอินเดียอย่างเต็มที่
จิตราภรณ์ เลิศทวีวิทย์
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี