ธุรกิจการพยาบาลของเอกชนอินเดียกำลังเติบโต
การพัฒนาการรักษาพยาบาลภาครัฐของอินเดียอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ทั่วถึง เพื่อให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังมีฐานะยากจน แต่ตลาดของอินเดียมีหลายระดับ (Segment) และการเติบโตของชนชั้นกลางของประเทศก็มีส่วนทำให้ธุรกิจการรักษาพยาบาลเติบโตอย่างรวดเร็ว
จากประสบการณ์ตรงในการนำผู้ป่วยไปรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลทั้งของรัฐและของเอกชนในกรุงนิวเดลี จะเห็นได้ชัดว่าการพัฒนาระบบการให้บริการ รวมถึงเทคโนโลยีและความสะอาด ของภาคเอกชนได้ก้าวหน้าไปไกลมาก ในขณะที่ของโรงพยาบาลของภาครัฐจะเน้นการให้บริการที่ทั่วถึง และได้เปรียบเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถมากกว่า แม้ระบบและเทคโนโลยีจะตามไม่ทันภาคเอกชน
ที่นิวเดลี โรงพยาบาลของรัฐชั้นนำได้แก่ All India Institute of Medical Sciences และ Safdarjung Hospital ที่ชาวอินเดียทั่วไปทั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และประชาชนธรรมดากล่าวว่า แพทย์ที่เก่งๆ ติดอันดับต้นในสาขาต่างๆ ของประเทศทำงานกันอยู่ที่นั่น
การเข้ารับการรักษาจึงต้องเจาะจงตัวแพทย์ให้ชัดเจน และจองคิวการรักษากับแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องและแน่ใจว่าหาย แต่ในเรื่องการให้บริการเสริมอื่นๆ เช่น สภาพห้องพัก หรือสาธารณูปโภคต่างๆ อาจจะทำให้ไม่เป็นที่นิยม โดยเฉพาะกับคนอินเดียมีเงินและชาวต่างชาติ
ทางเลือกที่เข้ามาเสริมในปัจจุบันคือโรงพยาบาลเอกชนที่ขยายเครือข่ายไปทั่วอินเดีย โดยในกรุงนิวเดลีและทางตอนเหนือของอินเดียก็มีเครือโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังหลายเจ้า ที่โดดเด่นในกรุงนิวเดลีก็เช่น Apollo Max และ Fortis
Apollo และ Max เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมมากจากชาวอินเดียชั้นกลางจนถึงระดับสูง ในขณะเดียวกัน ชาวต่างชาติจากตะวันออกกลางและแอฟริกาก็นิยมเดินทางมารักษาตัวกันที่สองโรงพยาบาลนี้ แต่เครือโรงพยาบาลคู่แข่งอย่าง Fortis ก็กำลังจะขยายธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในด้านธุรกิจการรักษาพยาบาลของอินเดียกำลังทวีความเข้มข้น
Fortis ก่อตั้งธุรกิจด้านการรักษาพยาบาลครั้งแรกที่รัฐปัญจาบในปี 2544 จากเริ่มต้นเพียงโรงพยาบาลเดียวขนาด 300 เตียง ปัจจุบันขยายตัวถึง 66 สาขา และมีเตียงมากกว่า 3800 เตียง โดย 14 สาขาตั้งอยู่ในภาคเหนือของอินเดีย รวมถึงรัฐบ้านเกิดคือปัญจาบ
นาย Malvinder M Singh ประธานบริหารของเครือ Fortis Healthcare กล่าวว่า อินเดียยังจัดอยู่ในอันดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเรื่องสุขภาพและการพัฒนาโครงสร้างการพัฒนาการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะในทางตอนเหนือของประเทศ จึงเป็นโอกาสให้ Fortis ช่วยชาติด้วยการพัฒนาการเข้าถึงของการรักษาพยาบาลที่คนทั่วไปก็สามารถจ่ายได้ และมีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งมีการพัฒนาความสามารถในการรักษาอย่างเต็มที่
ตลาดการรักษาพยาบาลของอินเดียจึงยังเติบโตได้อีก เพราะปัจจัยการขยายตัวของชนชั้นกลาง คนอินเดียมีความรับรู้เรื่องการรักษาพยาบาลมากขึ้น รวมทั้ง โรคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบัน
รัฐบาลอินเดียก็มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจการรักษาพยาบาล ในแผนพัฒนาประเทศ 5 ปี ฉบับที่ 12 ระหว่างปี 2012 - 2017 ได้เสนอให้รัฐบาลเพิ่มเงินสนับสนุนในธุรกิจสาขานี้ กับการซื้อและการบำรุงรักษารถพยาบาล การจัดหายาฟรีให้แก่ผู้ป่วย การควบคุมภาวะโลหิตจางในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และการสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบการควบคุมยาและความปลอดภัยของอาหาร แผนการพัฒนาประเทศฉบับดังกล่าวยังให้ความสำคัญกับการก่อตั้งองค์กรจัดซื้อกลาง (Central Procurement Agency) สำหรับการซื้ออุปกรณ์การแพทย์และยา ซึ่งจะช่วยพัฒนาศูนย์การรักษาพยาบาลทั่วประเทศ
ผู้บริหาร Fortis มีแผนในอนาคตที่จะขยายสาขาให้มากขึ้นในภาคเหนือของอินเดีย ซึ่งจะถือเป็น 1 ใน 3 ของโรงพยาบาล Fortis ทั่วประเทศ นอกจากนี้จะซอยสาขาธุรกิจย่อยลงไปอีก 6 สาขา ประกอบด้วย โรงพยาบาล ศูนย์ตรวจเลือด ศูนย์เดย์แคร์ ชุดวินิจฉัยโรค การฉายรังสีและเอกซเรย์ และศูนย์การศึกษาแพทย์และผู้ช่วยแพทย์ แสดงให้เห็นว่า ตลาดธุรกิจการรักษาพยาบาลของอินเดียกำลังจะเติบโต
ผู้เขียนเคยพาผู้ป่วยไปให้การรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล Fortis นอกเวลาทำการ เห็นว่ามีความรวดเร็วพอใช้ได้ แต่พนักงานที่ให้บริการยังไม่พัฒนาคุณภาพได้เท่ากับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของไทย และมีการจ้างบริษัทเอกชน (outsource) มาให้บริการเสริมต่างๆ เช่น จ้าง Religare Healthcare ให้มาบริการตรวจเลือดและแจ้งผลเลือดผู้ป่วย
Religare Healthcare ยังมีศูนย์ตรวจเลือดและศูนย์พยาบาลและจ่ายยาอยู่ตามย่านสำคัญๆ ของนิวเดลี และเมืองใหญ่ๆ โดยรับเจาะเลือดตามบ้านสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการเดินทางออกไปข้างนอกด้วย ผู้ป่วยตามบ้านของอินเดียมักจะมีหมอประจำตัว เป็นคลินิกอยู่ในหมู่บ้าน และมักจะนำผลเลือดหรือของเหลวในร่างกายเหล่านี้ไปปรึกษากับหมอที่คลินิกเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ
ภาพรวมการพัฒนาธุรกิจการรักษาพยาบาลของอินเดียทางตอนเหนือจึงยังคงมีลู่ทางสดใส และพัฒนาได้หลายรูปแบบ ในขณะที่ทางใต้อย่างรัฐเกราละก็ได้พัฒนาจนถึงขั้นจะพัฒนาศูนย์การท่องเที่ยวเพื่อรักษาพยาบาลแล้ว โดยเฉพาะการรักษาแบบอายุรเวท ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะจากยุโรป
นักข่าวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในอินเดียมานานให้ความเห็นว่า การพัฒนาการรักษาพยาบาลต้องเป็นเรื่องอันดับต้นๆ ที่รัฐบาลให้ความสนใจ ซึ่งปัจจุบันก็เห็นแล้วว่า ภาคธุรกิจอินเดียก็ว่องไวและใช้โอกาสนี้สร้างความเติบโตและขยายธุรกิจของตนด้วย
คณิน บุญญะโสภัต
รายงานจากกรุงนิวเดลี
22 มกราคม 2556