ด้วยยอดขายถึง 4.05 ล้านรูปีต่อปี แม้จะมีร้านเพียง 10 สาขาในอินเดีย แต่ Zara ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และปัจจุบันวางแผนเปิดร้านเพิ่มอีก 18 สาขาในอีกสามปีข้างหน้า
แบรนด์ Zara ในอินเดียอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Inditex Trent Retail ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท Inditex (บริษัทสัญชาติสเปนผู้ก่อตั้งยี่ห้อ Zara) และบริษัท Trent (บริษัทขายปลีกเสื้อผ้าในเครือบริษัท Tata) ในสัดส่วนร้อยละ 51 และร้อยละ 49 ตามลำดับ ทั้งสองบริษัทได้เริ่มเปิดร้านค้าแบรนด์ Zara ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2553 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีร้านทั้งหมด 10 สาขา ที่กรุงนิวเดลี (4 สาขา รวมที่เมือง Gurgaon) เมืองมุมไบ (3 สาขา) เมืองบังคาลอร์ (2 สาขา) และเมืองปูเน่ (1 สาขา) และมีแผนเปิดร้านเพิ่มอีก 18 สาขาในอีก 3 ปีข้างหน้าในเมืองขนาดรอง อาทิ เมืองสุราต รัฐคุชราต เมืองอินดอร์ รัฐมัธยประเทศและเมืองมังคาลอร์ รัฐกรณาฏกะ
จะเห็นได้ว่า แบรนด์ Zara ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะแม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านเพียง 10 สาขา แต่มียอดขายถึงปีละ 4.05 พันล้านรูปี ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ขายปลีกเสื้อผ้าที่มียอดขายสูงที่สุดในอินเดียและยังสูงกว่ายอดขายเสื้อผ้าของห้างสรรพสินค้า Shoppers Stop ที่มีสาขาทั่วอินเดียมากกว่า 53 สาขาอีกด้วย
แต่เมื่อถามหาเหตุผลของ ความสำเร็จของแบรนด์ Zara ในอินเดีย ก็จะพบว่า เกิดจากการบริหารจัดการแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพของบริษัท Inditex ซึ่งควบคุมดูแลรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบเสื้อผ้าจนถึงการกระจายสินค้า มีการบริหารแบรนด์แบบเดียวกันทั่วโลก และผู้บริโภคชาวอินเดียเห็นว่าสินค้าแบรนด์ Zara มีราคาที่ไม่สูงเกินไปและมีแบบทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ส่วนกลุ่มบริษัท Tata โดยบริษัท Trent ก็จำกัดบทบาทในการบริหารเพียงด้านการสรรหาสถานที่สำหรับเปิดร้านค้า โดยมีชาวอินเดียเพียง 3 คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารของบริษัท Inditex Trent ได้แก่ นาย Noel Tata นาย P. Venkatesalu และนาย Sanjay Rao
แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายถึงว่าแบรนด์เสื้อผ้าต่างประเทศอื่น ๆ ก็จะประสบความสำเร็จมเช่นเดียวกันกับแบรนด์ Zara อาทิ แบรนด์ Levi Strauss ซึ่งได้เข้ามาดำเนินกิจการในอินเดียกว่า 10 ปีแล้วแต่ยังขาดทุนในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีแบรนด์เสื้อผ้าจากต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ประสงค์จะเข้าตลาดอินเดียเนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพสูง
เป็นที่น่าสังเกตว่าแบรนด์ Zara ซึ่งเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ยังต้องอาศัยการร่วมลงทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอินเดีย โดยมีความจำเป็นต้องพึ่งหุ้นส่วนอินเดียในการหาสถานที่ที่เหมาะสมในการเปิดร้านค้า ซึ่งส่วนมากยังมีค่าเช่าสูงมาก จำเป็นต้องหาพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงตลาดอินเดีย
ดังนั้นแล้ว เมื่อพิจารณาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ประกอบการของไทยอาจพิจารณาเจาะตลาดขายปลีกเสื้อผ้าและเครื่องประดับทาง Internet ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งจากชาวอินเดีย โดยปัจจุบันมี Website ของอินเดียจำนวนมากขายสินค้าเสื้อผ้า/เครื่องประดับทันสมัย ซึ่งคาดว่าสินค้าน่าจะเป็นสินค้านำเข้าจากไทยและจีน
กนกภรณ์ คุณวัฒน์
รายงานจากเมืองมุมไบ
8 กรกฎาคม 2556