ตลาดสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยของอินเดียเตรียมจะทะยานทะลุหลัก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2014 ด้วยแรงหนุนจากประชากรกลุ่มมีอันจะกินหน้าใหม่ที่เริ่มใช้จ่ายมากขึ้น หรือ ที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกกันว่า "ลูกค้าในตู้เสื้อผ้า" (closet customers)
ตามรายงานของ CII-IMRB การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียในปีนี้มีผลกระทบต่อตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในระดับหนึ่ง และจะมีต่อไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งหลังจากนั้น ตลาดจะกลับมาสู่แดนบวกอีกครั้ง โดยจะเติบโตในอัตราร้อยละ 17
ผู้เชี่ยวชาญในวงการเห็นว่า อินเดียมีโอกาสที่จะเป็นตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทศวรรษหน้า แต่ราคาสินค้าจะยังเป็นปัจจัยที่กำหนดความเป็นไปได้ดังกล่าว ขณะนี้ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยของอินเดียยังถือว่าเล็กมากมูลค่าเพียง 8 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับตลาดโลกขนาด 3.2 แสนล้านดอลลาร์ แต่ประชากร 1,200 ล้านคนที่เต็มไปด้วยลูกค้ามีเงินหน้าใหม่ๆ ทำให้ตลาดอินเดียน่าสนใจไม่น้อย
"อินเดียอาจกลายเป็นตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยที่สำคัญในอีกสิบปีข้างหน้า แต่การกำหนดราคาสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ แบรนด์หรูต่างๆ ไม่ควรลดราคาสินค้าเพื่อให้ได้ลูกค้ามากขึ้น เพราะจะทำให้เสียความเป็นสินค้าของผู้มีอภิสิทธิ์พิเศษไป" นาย Canali ผู้จัดการทั่วไปของ Stefano Canali กล่าว
ประธานกรรมการบริหารบริษัท Genesis Luxury Fasion นายสัญชัย คาร์ปูร์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว ตลาดสินค้าหรูหราของอินเดียจะโตขึ้นอีกในปี 2014 การมีแผนธุรกิจที่ถูกทางจะช่วยให้บริษัทไปได้อีกไกล ทั้งแบรนด์ Armani, Burberry, Canali, Paul Smith, และ Jimmy Choo ที่บริษัททำการตลาดให้
อย่างไรก็ตาม การที่อินเดียจะกลายเป็นตลาดสำคัญด้านสินค้าฟุ่มเฟือย รัฐบาลอินเดียจำเป็นต้องมีนโยบายที่เอื้อธุรกิจดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนำเข้าและขจัดอุปสรรค เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งกำลังส่งผลในทางลบกับตลาดอินเดีย
อีกอุปสรรคที่สำคัญสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยในอินเดีย คือการสร้าง awareness ของสินค้าในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นาย Phillip von Sahr ประธานกลุ่ม BMW India กล่าว่า แบรนด์หรูเมื่อทำให้ลูกค้ารู้จักแล้ว ยังต้องสร้าง brand loyalty ให้ได้ด้วย
รายงาน CII-IMRB ยังระบุอีกว่า การบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในอินเดียไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่กลุ่มคนร่ำรวยและมีชื่อเสียงอีกต่อไป นาย Marco Bizzarri ประธาน Bottega Veneta กล่าวเปรียบเทียบอินเดียและอิตาลีว่า อินเดียและอิตาลีมีอะไรที่คล้ายกัน โดยเฉพาะประเพณีที่เกี่ยวกับการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้อินเดียยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก
สำหรับโอกาสธุรกิจไทยที่กำลังเข้าสู่ตลาดการสร้างสินค้าหรูหราและสินค้า exclusive ก็ถือว่ามีสูง ดูอย่างแบรนด์ Lotus Arts de Vivre ที่ผลิตเครื่องประดับและของตกแต่งบ้านหรู ได้เข้ามาลุยตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยของอินเดีย และเห็นศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก เพียงต้องเจาะให้ถูกช่องทาง การมีหุ้นส่วนอินเดียที่มีไอเดียตรงกัน ก็จะยิ่งช่วยให้สามารถเจาะตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น
หากสนใจหาหุ้นส่วนธุรกิจในตลาดหรู สถานทูต สถานกงสุล พร้อมใช้เครือข่ายทางการทูตช่วยเหลือเอกชนไทยที่มีศักยภาพและไอเดีย ให้สามารถเข้ามาหาประโยชน์จากตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาสแห่งนี้แน่นอน
ประพันธ์ สามพายวรกิจ
รายงานจากกรุงนิวเดลี
22 พฤศจิกายน 2556