อุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียมีความสำคัญในระดับต้นๆ และถือได้ว่าเป็นตลาดที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดในโลก ในปี 2552 อินเดียมีรถยนต์นั่งรวมทั้งหมด 40 ล้านคัน ในจำนวนนี้ เป็นรถยนต์ที่มีการซื้อในปี 2552 ถึง 1.5 ล้านคัน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากยอดการซื้อในปี 2551 ถึงร้อยละ 26 คาดว่าในอีก 40 ปี หรือในปี 2593 รถยนต์ในอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 611 ล้านคัน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียสามารถผลิตรถยนต์ได้ถือเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยสามารถผลิตได้ทั้งหมดปีละ 11 ล้านคัน ในจำนวนนี้เป็นการผลิตเพื่อส่งออกถึง 1.5 ล้านคัน ในเอเชีย อุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทรถยนต์นั่งของอินเดียมีความสำคัญเป็นอันดับ ที่ 4 รองจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศไทย
อินเดียมีฐานผลิตสำคัญอยู่ในรัฐทมิฬนาฑู ในเขตรอบๆ เมืองเจนไน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Detroit of India โดยกว่าร้อยละ 60 ของรถยนต์ที่อินเดียส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศผลิตจากโรงงานในรัฐทมิฬนาฑู บริษัทรถยนต์ต่างประเทศที่เข้าไปตั้งฐานผลิตในรัฐทมิฬนาฑู ได้แก่บริษัท Hyundai ของเกาหลี ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับที่ 2 ของอินเดีย บริษัท BMW ของเยอรมนี และบริษัท Ford ของสหรัฐฯ ขณะนี้ฐานผลิตของนิสสันอินเดียที่รัฐทมิฬนาฑู ใช้เงินลงทุนกว่า 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีกำลังการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ปีละ 4 แสนคัน โดยแยกเป็นการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ของนิสสันปีละ 2 แสนคัน และยังมีกำลังผลิตรถยนต์ Renault ของฝรั่งเศส ภายใต้ชื่อบริษัท Renault Nissan Automotive India Private Limited ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของนิสสันอินเดียอีกปีละ 2 แสนคัน นอกจากนั้น มีข่าวว่า Peugeot ของฝรั่งเศส กำลังพิจารณาจะลงทุนกว่า 40,000 ล้านรูปี (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงารนประกอบรถยนต์ในรัฐทมิฬนาฑู
สำหรับ Toyota จากญี่ปุ่น แม้จะไม่มีโรงงานผลิตที่เมืองเจนไน แต่ก็ได้ตั้งโรงงานผลิตของตนที่เมืองบังคาลอร์ รัฐกรณาฏกะ ซึ่งเป็นรัฐเพื่อนบ้านของรัฐทมิฬนาฑู
นายชาญชัย จรัญวัฒนากิจ
กงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน