รู้จักอินเดียผ่าน 10 โฆษณาสุดฮอต
วารสาร Business today ของอินเดียเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ว่า โฆษณายอดนิยม ที่มีผู้เข้าดูข้อมูลผ่านระบบ GRPs มากที่สุดใน มี 10 อันดับแรก ดังนี้
1.Surf Excel ออกอากาศ 471,220 วินาที GRPs 1,127ครั้ง |
2. Complan (ธัญพืชเพื่อสุขภาพ) ออกอากาศ 322,175 วินาที GRPs 1,075 ครั้ง |
3. Vodafone ออกอากาศ 760,700 วินาที GRPs 1,044 ครั้ง |
4. Bajaj Discover 150 ออกอากาศ 260,720 วินาที GRPs 963ครั้ง |
5. Dove Intense Repair Therapy ออกอากาศ 339,935 วินาที GRPs 948ครั้ง |
6.Clinic Plus Rapunzel ออกอากาศ 310,515 วินาที GRPs 842 ครั้ง |
7. Tata Nano ออกอากาศ 268,515 วินาที GRPs 793ครั้ง |
8. Huggies Care ออกอากาศ250,555 วินาที GRPs785 ครั้ง |
9. ICC Word Cup 2011 ออกอากาศ 357,750 วินาที GRPs 735ครั้ง |
10. Act II Microwave Popcorn(ข้าวโพดคั่วกึ่งสำเร็จรูป) ออกอากาศ 162,845 วินาที GRPs 734 ครั้ง |
|
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนความจริงหลายประการ อาทิเช่น Consumer goods ยังคงครองแชมป์ยอดนิยมในตลาดอินเดียโดยมีสัดส่วน 54% ของค่าใช้จ่ายใช้สอยของคนอินเดียในแต่ละครัวเรือน เป็นที่น่าสังเกตว่าอาหารเพื่อสุขภาพ และเครื่องสำอาง ซึ่งเคยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในอินเดีย กลับเป็นที่นิยมมากขึ้นเป็นลำดับ สำหรับโฆษณาแชมพูที่ติดอันดับ top ten ถึง 2 ยี่ห้อ สะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงอินเดียรุ่นใหม่มีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานในบริษัท IT
ตลาดจักรยานยนต์อินเดียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับ 2 รองจากจีน มียอดขายกว่า 7 ล้านคันในแต่ละปี
โฆษณายอดนิยม อันดับที่ 11 – 25 GRPs |
โดยมีฮีโร่-ฮอนดา เป็นผู้นำตลาด (54%) ส่วน Bajaj มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 (29%) แต่ด้วยเทคโนโลยีความแรงจากอิตาลีและการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวตอบสนองความต้องการของคนอินเดียที่นิยมความแรงได้เป็นอย่างดี ทำให้ Bajaj เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับฮีโร่-ฮอนดา สินค้าเกี่ยวกับเด็กเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง สำหรับตลาดที่มีประชากร 1.2 พันล้านคนเช่นอินเดีย โดยมีการขยายตัว 1.34% ต่อปี อินเดียมีประชากรอายุ 1-14 ปีจำนวน 360 ล้านคน และมีประชากรอายุต่ำกว่า 25 ปี ราว 500 ล้านคน ขณะที่คนอินเดียมีกำลังซื้อสูงขึ้น จึงให้ความสำคัญกับสินค้าเกี่ยวกับเด็กมากขึ้น เช่น ของเล่น ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และของเล่นเพื่อการศึกษา ไม่ใช่คำนึงถึงราคาถูกเป็นหลักเหมือนในอดีต สำหรับกีฬาคริกเก็ตเป็นกีฬาที่คนอินเดียคลั่งไคล้มากที่สุด และน่าจะเป็นกีฬาชนิดเดียวที่คนอินเดียเล่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่มีการแข่งแมทช์ใหญ่ๆ จึงมักมีสินค้าต่างๆ เป็นจำนวนมากพากันโหนกระแสคริกเก็ต ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ ดังนั้น สินค้าไทยที่จะเจาะตลาดอินเดียต้องคำนึงถึงประเด็นคริกเก็ต fever ไว้ด้วย
|
||
1 |
โคคา-โคลา |
646 |
|
2 |
Fair & Lovely Multivitamin |
631 |
|
3 |
Lifebuoy Total |
615 |
|
4 |
UltraTech Cement |
605 |
|
5 |
Stayfree Secure Dry Ultra tin |
601 |
|
6 |
Micromax Mobile |
595 |
|
7 |
Maruti Suzuki Ritz |
565 |
|
8 |
Sun Direct |
547 |
|
9 |
Calgate 360 Actiflex |
527 |
|
10 |
Cadbury Dairy Milk Silk |
525 |
|
11 |
Head & Shoulders Dandruff |
521 |
|
12 |
Cadbury Perk Clucose |
502 |
|
13 |
Rin (New Flavour) |
481 |
|
14 |
Tata sky (Cable TV) |
480 |
|
15 |
Nestle Munch |
472 |
นักกีฬาดังๆ มีรายได้เข้าขั้นเศรษฐี และได้รับการเทิดทูนบูชาราวกับเทวดา ดังนั้นทุกครั้งที่มีการแข่งแมทช์ใหญ่ๆ จึงมักมีสินค้าต่างๆ เป็นจำนวนมากพากันโหนกระแสคริกเก็ต ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ ดังนั้น สินค้าไทยที่จะเจาะตลาดอินเดียต้องคำนึงถึงประเด็นคริกเก็ตไว้ด้วย
ส่วน Tata Nano ถือว่าเป็นรถในฝันของคนอินเดียเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งถูก ทั้งทน ประหยัดน้ำมัน แถมติดแอร์ได้ ราคาก็แสนถูก เพียง 100,000 รูปี ถูกกว่ารถ 3 ล้อเครื่องเสียอีก (3 ล้อเครื่องราคา 150,000 รูปี) จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Tata Nano ประสบความสำเร็จในตลาดอินเดีย อย่างไรก็ตาม ผลจากปัญหามวลชนต่อต้านที่ทำให้ทาทาต้องย้ายฐานการผลิต Tata Nano จากเบงกอลตะวันตกไปยังคุชราตทำให้ทาทาจำต้องชะลอแผนการเจาะตลาดอาเซียนไว้ก่อน เนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่ต้องใช้ระยะทางไกลกว่าเดิม ส่งผลให้ทาทานาโนทำตลาดได้ยากขึ้นในต่างประเทศ อนึ่ง รถยอดนิยมของคนอินเดียเป็นรถขนาดต่ำกว่า 1,000 cc.
ในภาพรวม ปัจจุบันคนอินเดียมีกำลังซื้อสูงขึ้น มีเศรษฐีใหม่คนชั้นกลางกว่า 300 ล้านคน อันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้าน IT และยานยนต์ จึงเป็นโอกาสดีที่สินค้าไทยไทยจะสามารถเจาะตลาดได้มากขึ้น โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพ ได้แก่ สินค้าอาหาร ชิ้นส่วนยานยต์ รองเท้า/ชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์หนังฟอก ผลไม้แปรรูป น้ำผลไม้ โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ หม้อแปลง ลิฟต์ บันไดเลื่อน สิ่งปรุงแต่งรสอาหาร เฟอร์นิเจอร์ ไม้อัด ไม้ยางพารา ไฟเบอร์บอร์ด กระดาษ ของเล่น/เฟอร์นิเจอร์/ของใช้เด็ก ผลิตภัณฑ์พลาสติก เม็ดพลาสติก เมลามีน ยาง/ผลิตภัณฑ์ อลูมิเนียม และทองรูปพรรณ (อินเดียบริโภคทองคำมากที่สุดในโลก)
ปัจจุบันสินค้าส่งออกของไทยได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลดภาษีภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย (TIFTA) และกรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) ทำให้สินค้าส่งออกหลายรายการมีแนวโน้มเข้าสู่ตลาดอินเดียได้มากขึ้น เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
FTA ไทย-อินเดีย ไทยและอินเดียได้ตกลงลดภาษีระหว่างกันในรายการสินค้าเร่งลดภาษี (Early Harvest Scheme) จำนวน 82 รายการ โดยทั้ง 82 รายการมีอัตราภาษี 0% ปัจจุบัน ไทย-อินเดียอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมการเปิดเสรีสินค้าในส่วนที่เหลือ สินค้าที่มีศักยภาพส่งออกไปอินเดียภายใต้ FTA ไทย – อินเดีย ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ อะลูมิเนียมเจือ เครื่องประดับเพชรพลอย โพลิคาร์บอเนต ชิ้นส่วนยายนยนต์ พัดลม และเครื่องจักรกลการเกษตร
ตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่ได้รับประโยชน์จาก FTA ไทย – อินเดีย(TIFTA)ได้ ที่นี่ |
FTA อาเซียน-อินเดีย มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ครอบคลุมสินค้ากว่า 4,800 รายการ โดยสินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ กรดเทเรฟทาลิก เครื่องยนต์ดีเซล เอทิลีน ผ้าใบยางรถยนต์ ถังเชื้อเพลิง ยางสังเคราะห์ และเครื่องรับวิทยุ เป็นต้น
ตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่ได้รับประโยชน์จาก FTA อาเซียน – อินเดีย(AIFTA) ได้ ที่นี่ |
ดร.ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ณ เมืองเจนไน
บทความที่เกี่ยวข้อง
เล่นกับอินเดีย เล่นกับแบรนด์ ผลสำรวจความนิยมที่ไทยไม่ควรมองข้าม