ตลาดของเล่นอินเดีย ตัวเล็กแต่ใจใหญ่
ตลาดของเล่นและเกมส์ในอินเดียมีมูลค่ากว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตปีละ 20% และคาดว่าจะขยายตัวเป็น1,700 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2013 สอดคล้องกับคนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีประมาณ 70 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 300 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ย 8 หมื่น -1.8 แสนรูปีต่อปี อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดของเล่นคือการเติบโตของสังคมเมือง ซึ่งมีขนาดเกือบจะเท่ากับคนชั้นกลางของ จีน สหรัฐ และรัสเซีย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผู้บริโภคอินเดียคำนึงถึงของเล่นที่มีคุณภาพมากขึ้นกว่าการคำนึงถึงแต่ราคาอย่างแต่ก่อน
ในแต่ละปีอินเดียมีเด็กเกิดใหม่ราว 30 ล้านคน ครอบครัวอินเดียมีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กลง โดยเฉลี่ยปัจจุบันมีราว 4.3 คนต่อครอบครัว เทียบกับอดีตที่มีมากกว่า 5 คน เมื่อมีลูกกันน้อยลง คนอินเดียก็หันกันมาให้ความสนใจกับคุณภาพของเล่น ของใช้เด็กและการการศึกษากันมากขึ้น อีกทั้งคนชั้นกลางมีกำลังซื้อมากขึ้นอันเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจซ้อฟแวร์ IT และ call center ของเล่นจึงไม่ใช่เล่นสนุนอย่างเดียวแต่จะต้องประเทืองปัญญามากขึ้น
ช่องทางการจัดจำหน่ายของเล่นเด็กปัจจุบันยังคงแฝงอยู่ในร้านค้าประเภทอื่นๆ ส่วนร้านค้าเฉพาะของเล่นเด็กยังมีน้อย เช่น เป็นแผนกหนึ่งในร้านหนังสือ หรือเป็นแผนกหนึ่งในร้านของชำที่แม่บ้านชอบไปซื้อหาสินค้ากันบ่อยๆ
นอกจากนั้น เด็กอินเดียปัจจุบันเข้าถึงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้มากไม่แพ้เด็กไทยเรา กล้าคิดกล้าตัดสินใจมากขึ้น ขณะที่พ่อ-แม่ปัจจุบันก็สนับสนุนให้เด็กตัดสินใจด้วยตัวเองและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นด้วย ทั้งในเรื่องการแต่งกาย อาหารการกิน การชมภาพยนต์ วีดีโอเกมส์ ดนตรี ฯลฯ เป็นผลให้การโฆษณาต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธให้เข้าถึงตัวเด็กโดยตรง
ในอีกด้านหนึ่ง อินเดียเริ่มมีความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น โดยทั่วไปคนรุ่นใหม่มีลูกกันเพียง 1-2 คน ซึ่งปรากฎการณ์นี้คล้ายกับที่เกิดขึ้นในจีนที่พ่อ-แม่ต่างให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างมาก และเปิดโอกาสให้เด็กก็มีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อของเล่น เครื่องมือการตลาดที่นิยมกันมากคือการสร้างกระแสความนิยมในหมู่เด็ก และวัยรุ่นให้เกินการบอกต่อ (word of mouth) เกี่ยวกับความชื่นชอบในสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่เสนอขาย ดังนั้น การทำตลาดในสินค้าของเล่นเด็กจะต้องตื่นตัวต่อการปรับปรุงให้เข้ากับความนิยมใหม่ๆของเด็กและเข้าใจจิตวิทยาเด็กเป็นอย่างดี ของเล่นจะต้องมีลักษณะที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ท้าทายความสามารถ และประเทืองปัญญา มิใช่เพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว
พ่อ-แม่อินเดียปัจจุบันพากันแสวงหาของเล่นที่สอนให้เด็กไฝ่รู้ ทำให้เข้าใจกลไกการทำงานของของเล่น รู้เหตุ รู้ผล สร้างจินตนาการ รู้จักคิด รู้จักแก้ปัญหา และส่งเสริมการทำงานเป็นทีม อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากพันล้านคน การสร้างเด็กให้เติบโตประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจในรายละเอียดในการเลี้ยงดูเด็กไม่เว้นแม้แต่ของเล่น
ในปี 2010 อินเดียมีการนำเข้าของเล่น 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีจีนเป็นผู้นำตลาด (84%) รองลงมาเป็นอิตาลี (4%) ไทย (2%) เวียดนาม (1%) และ อินโดนีเซีย (1%) การแข่งขันในตลาดอินเดีย ราคายังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ของเล่นส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกมากกว่าไม้หรือยาง ซึ่งสินค้าจีนมีความได้เปรียบทั้งในด้านราคาและการปรับเปลี่ยนพัฒนารูปแบบสินค้าทุกๆ 10 เดือน เป็นสิ่งดึงดูดใจแม่บ้านและเด็กๆ เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าคุณภาพจะยังด้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หลายประเทศก็ตาม
อย่างไรก็ตามโอกาสการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดนี้ยังมีอยู่ เนื่องจากสินค้าของเด็กเล่นเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีลดหย่อนภาษีภายใต้ FTA อาเซียน-อินเดีย ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว จึงนับเป็นข้อได้เปรียบของไทยจะทำให้ของเล่นไทยเจาะตลาดอินเดียได้ดียิ่งขึ้น ผู้สนใจทำตลาดอินเดียสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้า
ณ เมืองเจนไน