บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง Kroll ร่วมกับหน่วยข่าวกรองเศรษฐกิจเผยรายงานการสำรวจการฉ้อโกงทั่วโลกประจำปีว่า 84% ของผู้ตอบข้อสอบถามเผยว่าเคยตกเป็นเหยื่อของธุรกรรมฉ้อโกงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่การลงทุนโดยไม่ข้องเกี่ยวกับธุรกรรมการฉ้อโกงมีน้อยมาก
การสำรวจดังกล่าวเป็นการสอบถามผู้บริหารมากกว่า 1,200 คนจาก 5 ทวีป ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ผู้ตอบแบบสอบถามจากอินเดียเผยว่าธุรกรรมฉ้อโกงในรูปแบบของการคอร์รัปชั่นและติดสินบน (31%) และการโจรกรรมข้อมูล ข้อมูลสูญหายหรือการจู่โจมด้านข้อมูล (27%) เป็นรูปแบบกลโกงที่ประสบเป็นส่วนมากในช่วงปีที่ผ่านมา
ในทุกตลาดที่ทำการสำรวจ อินเดียเป็นประเทศที่มีสัดส่วนสูงที่สุดที่มีบริษัทได้รับผลกระทบจากการโจรกรรมข้อมูล การฉ้อฉลหรือการโจรกรรมทางการเงินภายใน (23%) การโจรกรรมสินทรัพย์หรือหุ้น (23%) การฉ้อโกงเรื่องผู้ค้า ซัพพลายเออร์และการจัดซื้อจัดจ้าง (22%) การจัดการที่ผิดพลาดทางการเงิน (22%) การจัดการเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (22%) เป็นธุรกรรมการฉ้อโกงที่มีการรายงานจากบริษัทในอินเดีย
เกือบ 78% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผยว่ามีความเปราะบางในระดับกลางถึงสูงในเรื่องการมีส่วนในการคอร์รัปชั่นและการติดสินบน เทียบกับตัวเลขเฉลี่ยของทวีปเอเชียที่ 63%
การคอร์รัปชั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา ธุรกรรมการฉ้อโกงที่จำแนกเป็น 11 ประเภทในการสำรวจครั้งนี้ ประเทศอินเดียมีธุรกรรมการฉ้อโกงเกิดขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่ 8 ประเภท
ความกังวลในเรื่องการฉ้อโกงยังคงเพิ่มสูงขึ้น จำนวนบริษัทที่มีส่วนในการฉ้อโกงมากขึ้น (85%) มีจำนวนสูงที่สุดกว่าประเทศใด อัตราการเปลี่ยนงานที่สูงของพนักงานก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญของการมีส่วนในธุรกรรมการฉ้อโกง
บริษัทในอินเดียไม่ลงทุนในเรื่องมาตรการที่ถูกต้องในการกำจัดการฉ้อโกง ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในอินเดียจะลงทุนในเรื่องการตรวจสอบภูมิหลังของพนักงาน คู่ค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง และระบบการจัดการความเสี่ยง ผลการสำรวจยังพบอีกว่า 59% ของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อธุรกรรมฉ้อโกงและรู้ตัวผู้กระทำผิด กล่าวว่า คนในบริษัทเป็นผู้กระทำธุรกรรมฉ้อโกง มาตรการเช่นการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้อง ระบบการจัดการความเสี่ยงจะช่วยลดความเสียหายในเรื่องการฉ้อโกงและคอร์รัปชั่นได้
ค่าใช้จ่ายในการฉ้อโกง
ผลการสำรวจเผยว่า ธุรกรรมฉ้อโกงโดยเฉลี่ยมีมูลค่า 2.1% ของผลประกอบการของบริษัทในช่วงระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลัง ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับรายได้หนึ่งสัปดาห์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม 18% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้จ่ายมากกว่า 4% ของรายได้ในเรื่องธุรกรรมการฉ้อโกง ในขณะที่ 53 บริษัทหรือหนึ่งใน 3 ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามใช้จ่ายมากกว่า 10% ของรายได้ไปกับธุรกรรมการฉ้อโกง
การโจรกรรมข้อมูลก็เป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้น ครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ทำการสำรวจเผยว่า พวกเขามีความเปราะบางต่อการโจรกรรมข้อมูลในระดับกลางถึงสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 2010 ยิ่งไปกว่านั้น ความซับซ้อนในด้านไอทีเป็นสาเหตุนำในการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนในธุรกรรมฉ้อโกง อุตสาหกรรมที่อาศัยข้อมูลเป็นหลักยังคงเป็นภาคที่มีการโจรกรรมข้อมูลมากที่สุด อุตสาหกรรมดังกล่าวรวมไปถึงภาคบริการ (29%) ภาคเทคโนโลยี สื่อ และการสื่อสาร (29%) ภาคการดูแลสุขภาพ เภสัชกรรมและไบโอเทคโนโลยี (26%)
ปิยรัตน์ เศรษฐศิริไพบูลย์