บริษัทโฟล์คสวาเก้น (Volkswagen) เตรียมเปิดศูนย์ค้ารถหรูลัมโบร์กินี่ (Lamborghini) แห่งที่ 2 ในอินเดีย เพื่อสนองตอบความต้องการรถมูลค่า 36.9 ล้านรูปี (750,600 เหรียญสหรัฐ)
แม้ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะชะลอตัวลงเนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดรถหรูไม่ได้รับผลกระทบ เพราะดอกเบี้ยไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของเศรษฐีอินเดีย เนื่องจากพวกเขาซื้อรถด้วยเงินสด
จำนวนเศรษฐีใหม่ในอินเดียได้รับการคาดว่าจะเติบโตขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2015 เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้บริษัทรถหรูพยายามขยายธุรกิจในอินเดีย ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง รถเฟอร์รารี่ (Ferrari) ที่ได้เปิดศูนย์รถยนต์แห่งแรกในอินเดียแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 4 แห่ง ภายในสิ้นปีหน้า
ความมั่งคั่งของคนในกลุ่มยอดปิรามิดกำลังเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ทุกๆ เดือนมีกลุ่มคนซื้อกลุ่มใหม่ๆ มองหารถหรูเหล่านี้ เพราะรถยนต์เป็นสัญลักษ์ที่บ่งบอกสถานะทางสังคมในอินเดีย
จำนวนเศรษฐีใหม่ในอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 403,000 คนภายในปี 2015 จาก 173,000 ในปี 2010 จากรายงานของ CLSA มีการคาดว่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันยอดขายรถหรูเช่น ลัมโบร์กินี่, แอสตัน มาร์ติน และเบนท์ลีย์ไปที่ราว 500 คันต่อปีภายในปี 2020 จากยอดขาย 180 คันในปีที่ผ่านมา
บริษัท AT Kearney ประมาณการณ์ตลาดรถหรูของอินเดียว่าจะมีการเติบโต 32% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้าจากมูลค่า 745 ล้านเหรียญในปี 2009 ลูกค้าที่ซื้อรถเหล่านี้รวมไปถึงสมาชิก Super Car Club ซึ่งมีการพบปะและขับรถไปปูเน่ผ่านเส้นทางด่วน 100 กิโลเมตรด้วยรถลัมโบร์กินี่ เปอร์เช่ และเฟอร์รารี่ จำนวนสมาชิกของสโมสรนี้ได้เพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวไปอยู่ที่ราว 200 คนนับตั้งแต่มีการก่อตั้งสโมสรเมื่อสองปีก่อน
บริษัทคาดว่าจะมียอดขายรถลัมโบร์กินี่ 30 คันในอินเดียในปีหน้า โดยตั้งแต่เปิดศูนย์ที่มุมไบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 24 คัน
ในเดือนกันยายน ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 1.8% มาที่ 165,925 คัน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
สรุปจาก Financial Express
ปิยรัตน์ เศรษฐศิริไพบูลย์