จับตาดูทางการอินเดีย แก้ปัญหาวิกฤตสายการบิน
หลายฝ่ายกำลังจับตาดูการแก้ปัญหาธุรกิจการบินในอินเดีย ด้วยภาวะหนี้สินท่วมท้นของสายการบินในประเทศกำลังเป็นประเด็นที่สุกงอมเต็มที ในขณะเดียวกัน ยังมีระเบิดเวลาในเรื่องของความสามารถในการแข่งขันของสายการบิน การอ่อนค่าของเงินรูป และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น หลายฝ่ายกำลังคาดการณ์ว่า ทางออกที่เหลือคือการผ่อนผันกฎระเบียบให้สายการบินต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในสายการบินอินเดีย
จาก Air India มาถึงปัจจุบัน สายการบิน Kingfisher สายการบินอันดับ 2 ของอินเดียกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินรุมเร้า ผู้บริหารของ Kingfisher ให้ข่าวกับสื่อมวลชนท้องถิ่นเมื่อไม่นานมานี้ว่า บริษัทมีหนี้สินราว 7.5 หมื่นล้านรูปี (ราว 1.5 พันล้านเหรียญ) แต่นักวิเคราะห์บางรายวิเคราะห์ว่าหนี้สินจริงๆ ของบริษัทอาจจะมากกว่านั้น
การบินไทย ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการบริการ ไม่ควรมองข้าม หากกฎระเบียบนี้ได้รับการผ่อนผันจริง ความสามารถในการบริการของการบินไทยอาจทำให้ได้เค้กก้อนโต เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนอินเดียปีละเกือบ 6 ล้านคน ยังมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางออกนอกประเทศ 12 ล้านคน ไม่นับรวมการเดินทางภายในประเทศที่มีมากกว่า 740 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้สายการบินของอินเดียประสบกับภาวะหนี้สินท่วมท้นมาจาก
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงไต่ระดับมาที่ 133.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล พุ่งขึ้น 30% จากปีก่อน ในขณะที่ IATA ประเมินว่าสายการบินทั่วโลกจะมีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในปีนี้ 6.1 หมื่นล้านเหรียญจากปีก่อน
ภาษี
รัฐต่างๆ ในอินเดียคิดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับสูง เช่นรัฐกรณาฎกะ รัฐทมิฬนาฑู และรัฐคุชราตคิดภาษีน้ำมัน 30% ผลที่ตามมาคือ สายการบินอินเดียมีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงมากกว่าสายการบินนานาชาติอื่นอย่างน้อย 50%
สนามบินที่ไม่เหมาะสม
สนามบินอินเดียถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับสายการบินที่มีการบริการแบบเต็มรูปแบบ แต่สายการบินต้นทุนต่ำของอินเดียเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในอินเดียซึ่งสนามบินยังก้าวตามไปไม่ทัน สายการบินต้นทุนต่ำของอินเดียมีค่าใช้จ่ายมากพอๆ กับสายการบินทั่วไป ซึ่งจุดนี้ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร
จมอยู่ใต้กองหนี้
สายการบินอินเดียเผชิญกับกองหนี้มูลค่ารวมกัน 1.3 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ไม่น่าแปลกใจเลยที่สายการบิน Kingfisher ซึ่งประสบปัญหาหนักที่สุดมแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากที่สุด
สงครามราคา
จนกระทั่งปีที่แล้ว สายการบินต่างๆ เริ่มมีตั๋วราคา 1 รูปีออกมาแข่งขันกัน แม้ว่าในที่สุดทั้ง Kingfisher และ Jet Airways ก็ต้องควักเนื้อเจ็บตัวกันไป
ค่าเงินรูปี
ค่าใช้จ่ายมากกว่า 2 ใน 3 ของสายการบินอยู่ในรูปดอลลาร์ เมื่อรูปีอ่อน จึงมีผลกระทบทางการเงินของสายการบินอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน เมื่อเดือนกรกฎาคม 1 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 45.3 รูปี ปัจจุบันอยู่ที่ 51.25
กฎระเบียบการเป็นเจ้าของ
ปัจจุบัน กฎหมายอินเดียไม่อนุญาตให้สายการบินต่างชาติซื้อสายการบินอินเดีย แม้ว่านักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในสายการบินได้ไม่เกิน 49% ตอนนี้ทางการอินเดียกำลังถกกันอยู่ว่าจะผ่อนปรนให้เงินลงทุนตรงต่างชาติเข้าธุรกิจสายการบินได้แค่ไหน
ประเด็นน่ารู้
1. อินเดียมีสายการบินหลัก 6 สายการบินได้แก่ Jet Airways, Kingfisher Airlines, SpiceJet, Indigo Airlines, GoAir และ Air India
2. นอกจาก Indigo สายการบินที่เหลือประสบกับปัญหาขาดทุน
3. สายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ Jet Airways, Kingfisher และ Air India มีหนี้รวมกันมากกว่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญ
4. อินเดียอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นในสายการบินอินเดียได้ไม่เกิน 49% แต่ไม่อนุญาตให้สายการบินต่างชาติลงทุนในสายการบินอินเดีย
5. Kingfisher และ Jet ไม่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในระยะหลัง เศรษฐีพันล้าน Wilbur Ross ลงทุนใน SpiceJet ในปี 2553 ถือว่าเป็นเพียงสายการบินเดียวที่มีต่างชาติถือหุ้นใหญ่
6. ทางการอินเดียมีแผนจะผ่อนปรนกฎระเบียบ โดยให้สายการบินต่างชาติถือหุ้นในสายการบินอินเดียได้
7. การควบรวมกิจการภายในธุรกิจการบินยังประสบปัญหาอยู่ ยกตัวอย่างที่ Kingfisher เข้าซื้อกิจการของ Air Deccan ในปี 2551 แต่ยังประสบปัญหาขาดทุนอยู่ถึงปัจจุบัน
8. สายการบิน Air India ยังประสบปัญหาขาดทุนอยู่ นับตั้งแต่ควบรวมกิจการกับ Indian Airlines ในปี 2550
9. ในปี 2550 Jet Airways ซื้อกิจการ Sahara Airlines เป็นเงิน 289.3 ล้านเหรียญ และเปลี่ยนชื่อเป็น JetLite แต่ทั้งสองธุรกิจยังคงพัวพันอยู่กับการต่อสู้ทางกฎหมายเรื่องการชำระเงิน
10. ทั้ง Air India และ Kingfisher เข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ Kingfisher ทำการลดหนี้โดยออกหุ้นให้กับธนาคาร 14 แห่ง
11. สายการบินต่างๆ แบกภาระภาษีที่รัฐต่างๆ เก็บในอัตราสูง
12. การใช้บริการสายการบินอินเดียเติบโตขึ้น 19% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี
13. สมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติชี้ว่าสายการบินทั่วโลกมีกำไร 1.8 หมื่นล้านเหรียญในปี 2553 แต่สายการบินอินเดียขาดทุน 400 ล้านเหรียญ
14. IATA ประมาณการณ์ว่าสายการบินจะมีกำไร 6.9 พันล้านเหรียญในปี 2554 แต่เตือนว่ากำไรอาจจะลดลง 29% ในปี 2555
15. ศูนย์การบินภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคาดว่าสายการบินอินเดียจะมีผลประกอบการขาดทุน 2.5 พันล้านเหรียญ ถึง 3 พันล้านเหรียญในปีงบประมาณสิ้นสุดมีนาคม 2555 โดย Air India เจ้าเดียวน่าจะกินส่วนแบ่งเกินครึ่ง
ข้อมูลบางส่วนจาก The Asian Age
ปิยรัตน์ เศรษฐศิริไพบูลย์