ธนาคารโลกคาดอินเดียเป็นประเทศส่งเงินกลับประเทศสูงสุด
ในขณะที่อินเดียกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง การอ่อนค่าของเงินรูปี และการตกต่ำของตลาดหุ้นอินเดียจากการที่นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นจากความวิตกกังวลต่อปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป แต่เศรษฐกิจอินเดียยังได้รับปัจจัยบวกที่สำคัญคือ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเงินส่งกลับประเทศของแรงงานอินเดียในต่างประเทศ
รายงานของธนาคารโลกเรื่องการย้ายถิ่นฐานและการพัฒนาระบุว่าในปี ค.ศ. 2011 อินเดียจะเป็นประเทศที่ได้รับเงินส่งกลับประเทศสูงที่สุดในโลก ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศได้ โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญคือการอ่อนค่าของเงินรูปี และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของแรงงานอินเดียในตะวันออกกลาง และคาดว่าเงินส่งกลับจากตะวันออกกลางจะยังคงอยู่ในระดับสูง สามารถชดเชยเงินส่งกลับจากประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น ยุโรปและสหรัฐฯ ที่ลดลง เนื่องจากสภาพการจ้างงานที่ตกต่ำอันเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของภูมิภาคดังกล่าว โดยคาดว่าอินเดียจะได้รับเงินส่งกลับจากต่างประเทศถึง 5.8 หมื่นล้านเหรียญ หรือเป็นจำนวนที่สูงกว่าการส่งออกสินค้าประเภท software ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำรายได้เข้าประเทศสูงเป็นอันดับที่ 2
นอกจากอินเดียได้รับเงินส่งกลับประเทศสูงที่สุดในโลกในปี ค.ศ. 2011 แล้ว รองลงมา คือจีน จำนวน 5.7 หมื่นล้านเหรียญ เม็กซิโก 2.4 หมื่นล้านเหรียญ และฟิลิปปินส์ 2.3 หมื่นล้านเหรียญ โดยประเทศกำลังพัฒนาได้รับเงินส่งกลับประเทศรวมกันเป็นมูลค่า 3.51 แสนล้านเหรียญ โดยเงินส่งกลับประเทศดังกล่าวคิดเป็น 7% ของจีดีพี ทั้งนี้ธนาคารกลางอินเดียแบ่งเงินส่งกลับประเทศเป็น 2 ประเภท คือ เงินส่งกลับเพื่อให้การเลี้ยงดูแก่สมาชิกในครอบครัว และส่งกลับเข้าบัญชีเงินฝากของชาวอินเดียที่ไม่มีถิ่นพำนักในอินเดีย
อินเดียและจีนเป็นประเทศที่ได้รับเงินส่งกลับประเทศสูงที่สุดในโลกเนื่องจากมีประชากรมากกว่า หนึ่งพันล้านคน และมีประชากรอาศัยอยู่ในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีชาวอินเดียอาศัยอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกประมาณ 30 ล้านคนใน 180 ประเทศ
พัฒนาการการส่งเงินกลับประเทศของชาวอินเดียที่อยู่ต่างประเทศเริ่มตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 เมื่อเกิด oil boom ในตะวันออกกลาง ซึ่งได้มีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจอย่างขนานใหญ่ ได้ดึงดูดแรงงานจากอินเดียเข้าไปทำงานในตะวันออกกลางจำนวนมาก แรงงานอินเดียในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ
ผลในเชิงบวกจากการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานอินเดียเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 ที่นักวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอินเดียได้ออกไปทำงานในประเทศตะวันตกเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยนักวิชาชีพเหล่านี้ที่มีรายได้สูงได้ทำให้มีเงินส่งกลับประเทศเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจากเพียง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 1990/1991 เป็น 8.5 พันล้านเหรียญในปี 1995/1996 และเพิ่มเป็น 2.5 หมื่นล้านเหรียญในอีก 10 ปีต่อมา ทำให้สัดส่วนของเงินส่งกลับประเทศจากตะวันออกกลางต่อเงินส่งกลับโดยรวมลดลงเรื่อยๆ จาก 31% ในปี 1997 เหลือ 24% ในปี 2010 ขณะที่สัดส่วนเงินส่งกลับจากประเทศตะวันตกเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2009 เป็น 44% ในปี 2010 อย่างไรก็ตามเงินส่งกลับประเทศของทั้งสองภูมิภาครวมกันคิดเป็น 70% ของจำนวนเงินส่งกลับทั้งหมด
เงินส่งกลับดังกล่าวเป็นเงินไหลเข้าด้านเดียว ต่างจากเงินทุนที่มีไหลเข้าออก และการส่งเงินเพื่อการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวหรือการออมจะมีเสถียรภาพกว่าเงินที่เคลื่อนไหวเข้ามาเพื่อลงทุนหรือแสวงหาผลตอบแทน จึงช่วยบรรเทาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ลดความยากจน และก่อให้เกิดการลงทุนประเภทการสร้างบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย หรือซื้อสินค้าจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นจึงช่วยลดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวได้ในระดับหนึ่ง
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ