เมื่อยักษ์ใหญ่ IKEA ขยับเข้าตลาดอินเดียหลังรัฐบาลอินเดียเปิดเสรีค้าปลีก
หลังจากเป็นที่ฮือฮาระดับ Talk of the Town กันไปแล้วจากการเปิดห้าง IKEA สาขาแรกในประเทศไทยที่ถนนบางนา-ตราด เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ขณะนี้ IKEA ยักษ์ใหญ่ผู้นำด้านสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าของตกแต่งบ้านจากสวีเดนก็กำลังเป็น Talk of the Town อยู่ที่อินเดียเช่นกัน
หลังจากที่รัฐบาลอินเดียประกาศเปิดเสรีค้าปลีกประเภท Single Brand ให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ถึง 100% เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา IKEA ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกประเภทนี้อยู่แล้ว คือ จำหน่ายสินค้าตรายี่ห้อเดียว (Single Brand) ทั้งห้าง โอกาสเปิดอย่างนี้มีหรือที่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง IKEA จะมองข้ามตลาดใหญ่อย่างอินเดียไปได้
เปิดเสรีค้าปลีกสไตล์อินเดีย
การเปิดเสรีค้าปลีกของอินเดียมีผลเฉพาะธุรกิจค้าปลีกประเภทตรายี่ห้อเดียว (Single-Brand Retailer) เท่านั้นที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นได้ถึง 100% ส่วนธุรกิจค้าปลีกประเภทหลายตรายี่ห้อ (Multi-Brand Retailer) อย่างเช่น Walmart, Tesco, Carrefour ฯลฯ รัฐบาลยังไม่อนุญาตให้เข้าไปเปิดดำเนินธุรกิจได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกต่างชาติประเภท Single Brand เข้าไปถือหุ้นได้ 100% แล้วก็ตาม แต่การเปิดเสรีสไตล์อินเดียก็ยังมีเงื่อนไขอื่นที่บริษัทค้าปลีกต่างชาติต้องปฏิบัติตาม คือ บริษัทค้าปลีกต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand ในประเทศอินเดียได้ 100% นั้น จะต้องได้รับการอนุมัติโดยผ่านช่องทางรัฐบาลเท่านั้นโดยมีเงื่อนไข ดังนี้
1. การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand ในประเทศอินเดีย จะต้องมุ่งเน้นในด้านการผลิตและการตลาด การพัฒนาให้สินค้ามีเพียงพอสำหรับผู้บริโภค กระตุ้นให้มีการจัดซื้อจัดหาสินค้าจากในประเทศอินเดีย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทอินเดียโดยช่วยให้บริษัทอินเดียเหล่านี้สามารถเข้าถึงการออกแบบระดับโลก เทคโนโลยี และการบริหารจัดการ
2. การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand ในประเทศอินเดียจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขต่อไปนี้
2.1 สินค้าที่จะจำหน่ายจะต้องเป็นสินค้าที่เป็นตรายี่ห้อเดียว (Single Brand) เท่านั้น
2.2 สินค้าที่จะจำหน่ายจะต้องเป็นตรายี่ห้อเดียวกันทั่วโลก นั่นคือ สินค้าดังกล่าวที่วางจำหน่ายในประเทศอินเดียจะต้องเป็นตรายี่ห้อเดียวกับที่วางจำหน่ายในประเทศอื่นๆด้วย
2.3 สินค้าที่จะจำหน่ายครอบคลุมเฉพาะสินค้าที่ผลิตขึ้นสำหรับตรายี่ห้อนั้นๆเท่านั้น
2.4 บริษัทค้าปลีกต่างชาติจะต้องเป็นเจ้าของตรายี่ห้อนั้นเอง
2.5 บริษัทค้าปลีกต่างชาติจะต้องจัดซื้อ/จัดหาสินค้าจากอุตสาหกรรมขนาดย่อม/อุตสาหกรรมครอบครัว/อุตสาหกรรมพื้นบ้านของอินเดียอย่างน้อย 30% ของมูลค่าสินค้าที่จำหน่าย ทั้งนี้ อุตสาหกรรมขนาดย่อม หมายถึงอุตสาหกรรมที่มีเงินลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรไม่เกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยคิดจากมูลค่าเมื่อทำการติดตั้งในครั้งแรกและไม่หักค่าเสื่อมราคา อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่มูลค่าการลงทุนเกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทนั้นๆ จะต้องพ้นจากสถานะของอุตสาหกรรมขนาดย่อมไป กระบวนการดังกล่าวจะเป็นกระบวนการรับรองตนเอง (Self Certification) ของอุตสาหกรรมขนาดย่อม โดยจะมีการสุ่มตรวจโดยหน่วยงานตรวจสอบเป็นระยะๆ
3. บริษัทค้าปลีกต่างชาติที่ประสงค์จะเปิดธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand ในประเทศอินเดียโดยถือหุ้น 100% จะต้องยื่นคำขอผ่าน Secretariat for Industrial Assistance สังกัดกรมนโยบายและส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Policy and Promotion) โดยในการยื่นคำขออนุญาตจะต้องระบุสินค้าและประเภทสินค้าที่จะจำหน่ายภายใต้ Single Brand ให้ชัดเจนเพื่อให้รัฐบาลอนุมัติต่อไป
4. กระบวนการพิจารณาคำขออนุญาตจะดำเนินการโดยกรมนโยบายและส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Policy and Promotion) เพื่อพิจารณาว่าสินค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายนั้นเป็นไปตามแนวทางในประกาศของรัฐบาลหรือไม่ ก่อนที่จะส่งต่อให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FIPB: Foreign Investment Promotion Board) พิจารณาต่อไป
ยักษ์ใหญ่ IKEA กับความพยายามเข้าตลาดค้าปลีกอินเดีย
IKEA สนใจที่จะเข้าตลาดอินเดียมานานแล้ว เนื่องจากตลาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในอินเดียมีมูลค่ามหาศาลถึง 925,000 ล้านรูปีต่อปี (ประมาณกว่า 600,000 ล้านบาท) โดยสัดส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่เป็นระบบ (Organized Retails) ยังมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ต่ำกว่า 7% โดยที่เหลือจะเป็นมูลค่าการจำหน่ายปลีกในธุรกิจค้าปลีกที่ยังไม่เป็นระบบ (Unorganized Retails) หรือที่เรียกว่า Kirana Shops ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็กแบบดั้งเดิมของอินเดีย ดังนั้น IKEA จึงหวังว่า หากเข้าตลาดอินเดียได้จะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากธุรกิจค้าปลีกที่ยังไม่เป็นระบบเหล่านี้ได้อีกมหาศาล
ในอดีตที่ผ่านมา IKEA ได้ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าความพยายามต่างๆจะไร้ผล และความล่าช้าในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอินเดียก็ได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย โดยในเดือนมิถุนายน 2552 IKEA ได้ออกมาประกาศว่าขอถอยดีกว่าเพราะไม่สามารถรอคอยการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอินเดียที่ IKEA เรียกร้องและรอคอยมากว่า 2 ปีได้ เงินลงทุนของ IKEA กว่า 20,000 ล้านบาทที่วางแผนจะนำไปลงทุนเพื่อเปิดสาขาในอินเดียจึงหายวับไปกับตาทันที
การกลับมาของยักษ์ใหญ่ IKEA ในตลาดอินเดีย
หลังการประกาศเปิดเสรีค้าปลีก โดยรัฐบาลอินเดียอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกต่างชาติประเภท Single Brand สามารถเข้าไปถือหุ้นได้ 100% IKEA ก็ได้หันกลับมามองตลาดอินเดียอีกครั้งหนึ่งเพราะทนความเย้ายวนของตลาดมูลค่ามหาศาลไม่ได้
แม้ว่าการเปิดเสรีดังกล่าวจะมีเงื่อนไขหลายประการที่ธุรกิจค้าปลีกต่างชาติต้องปฏิบัติตามและอาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าตลาดอินเดีย โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ต้องจัดซื้อ/จัดหาสินค้าจากอุตสาหกรรมขนาดย่อม/อุตสาหกรรมครอบครัว/อุตสาหกรรมพื้นบ้านของอินเดียอย่างน้อย 30% ของมูลค่าสินค้าที่จำหน่าย แต่สำหรับ IKEA แล้วข้อกำหนดและเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบัน IKEA ก็ได้จัดซื้อ/จัดหาสินค้าที่ผลิตในประเทศอินเดียอยู่แล้วปีละประมาณ 15,000 ล้านรูปี (ประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท) และถึงแม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะเปิดเสรีให้ IKEA สามารถถือหุ้นได้ทั้งหมด 100% แต่คาดว่า IKEA คงจะเลือกที่จะร่วมทุนกับบริษัทอินเดียมากกว่า เพราะการถือหุ้น 100% สำหรับบริษัทต่างชาติอาจจะมีปัญหามากมายในการทำงานและการติดต่อกับภาคราชการของอินเดีย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า IKEA จะร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท Reliance ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของอินเดียโดยเฉพะด้านค้าปลีก
ขณะนี้กลุ่มบริษัทต่างๆในอินเดียที่เป็นเจ้าของศูนย์การค้าที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมาย ก็ได้แต่หวังว่าจะได้ IKEA มาเป็นผู้เช่าหลัก (Anchor Tenant) ในศูนย์การค้าของตน เพราะ IKEA จะเป็นแม่เหล็กอย่างดีในการดึงดูดลูกค้าให้เข้าไปจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้ามากขึ้น แต่คาดว่าคงจะไม่สมหวังเนื่องจากศูนย์การค้าในอินเดียยังพัฒนาไปไม่ถึงระดับสากล ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญมาจากการปกป้องตัวเองมากเกินไปทำให้ไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้และ Know How จากต่างชาติ การออกแบบศูนย์การค้าของอินเดียส่วนใหญ่จึงยังไม่เป็นสากลและไม่สามารถรองรับสาขาขนาดใหญ่ของบริษัท IKEA ได้ หาก IKEA จะเข้าไปอยู่ในศูนย์การค้าใดศูนย์การค้าหนึ่ง ก็จะสามารถเปิดสาขาได้ไม่เกินขนาด 350,000 ตารางฟุต ซึ่งขณะนี้มีอยู่เพียงศูนย์การค้า Phoenix ที่เมืองมุมไบ เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรองรับได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัญหาเรื่องพื้นที่แล้ว ยังมีปัญหาอื่นตามมาอีก คือ ตามมาตรฐานของ IKEA สาขาแต่ละสาขาจะต้องมีที่ขนถ่ายสินค้า 6-8 จุด (Unloading Bay) รวมทั้งจะต้องมีพื้นที่สำหรับลูกค้านำรถมาจอดเพื่อนำสินค้าที่ซื้อแล้วบรรทุกในรถ ซึ่งจะต้องมีพื้นที่ยาว 300-400 ฟุต รวมทั้ง ยังกำหนดความสูงของเพดานถึง 20 ฟุต นอกจากนั้น IKEA ยังมีนโยบายนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (IGR: IKEA Goes Renewable) เพื่อลดการใช้พลังงานให้ได้ 60% ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีศูนย์การค้าใดในอินเดียสามารถรองรับเงื่อนไขเหล่านี้ได้เลยแม้แต่แห่งเดียว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ IKEA จะเปิดสาขาเป็นของตนเองอยู่ในเขตนอกเมือง (Stand-Alone Suburban Stores) โดยมีแผนที่จะเปิดสาขา 9 สาขา ภายใน 6-7 ปี ที่เมือง Gurgaon เมือง Noida เมือง Chennai เมือง Hyderabad เมือง Pune เมือง Mumbai (2 แห่ง คือ ริมถนนไฮเวย์ด้านตะวันตกกับริมถนนไฮเวย์ด้านตะวันออก) และเมือง Bangalore (2 แห่ง คือ ใกล้สนามบิน 1 แห่ง และบนถนน Hosur อีก 1 แห่ง)
สำหรับบริษัท IKEA เป็นบริษัทค้าปลีกประเภท Single Brand ของสวีเดน จำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าของตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยยอดจำหน่ายปีละ 26 พันล้านยูโร (ประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาท) โดยมีสาขาอยู่ 333 แห่งทั่วโลก มีลูกค้าเข้าเยี่ยมชมในปี 2553 จำนวน 626 ล้านคน สาขาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ Kungens Kurva ชานกรุง Stockholm ประเทศสวีเดน มีพื้นที่ 606,000 ตารางฟุต สาขาล่าสุดที่ประเทศไทยมีพื้นที่ 462,000 ตารางฟุต ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
ก็คงจะต้องจับตาดูกันว่าการเข้าตลาดอินเดียของยักษ์ใหญ่ IKEA จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกของอินเดียปั่นป่วนหรือพัฒนาขึ้นแค่ไหน
----------------------------------------------------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ
21 มีนาคม 2555