บริษัทรับจัดดอกไม้แบบครบวงจร โอกาสทองของไทยในอินเดีย
โดย ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์
ฝีมือด้านงานช่าง งานศิลป์ที่ต้องใช้ความประณีตละเอียดอ่อนของคนไทยเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ที่อินเดีย ทักษะพิเศษนี้ กลายเป็นเรื่องทำเงินได้ไม่ยาก หากรู้จักช่องทาง
ในสังคมคนชั้นกลางถึงระดับไฮโซอินเดีย หน้าตาเป็นเรื่องสำคัญ คนกลุ่มนี้ ใช้ของดีมีระดับ สินค้าหลายอย่างของไทยก็เป็นที่นิยม เช่นของแต่งบ้าน เครื่องประดับ ที่แสดงถึงความไฮคลาส ไม่เว้นแม้แต่ดอกไม้
เชื่อหรือไม่ว่าตามโรงแรมหรูในเมืองใหญ่ และในงานแต่งงานของลูกหลานมหาเศรษฐี ดอกไม้ยอดนิยมที่ใช้ประดับในงาน คือดอกกล้วยไม้ของไทย ซึ่งเป็นค่านิยมของคนอินเดียสมัยใหม่ที่เห็นว่าแสดงถึงความมีระดับและโก้หรู
ไม่เพียงแต่ดอกไม้ไทยที่โดนใจคนอินเดีย แม้แต่นักจัดดอกไม้แนวหน้าของไทย ยังถูกคว้าตัวจากเครือโรงแรมดังในอินเดีย ให้เป็นคนออกแบบงานจัดดอกไม้ของโรงแรมในเครือทุกแห่ง เศรษฐีระดับนาย Ambani เจ้าของกิจการ Reliance (ชินวัตรเมืองไทย) ก็ทาบทามให้ไปจัดดอกไม้ในงานเปิดตัวคฤหาสน์ 27 ชั้นกลางมหานครมุมไบมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีงานจัดดอกไม้ในงานแต่งงานลูกอภิมหาเศรษฐีอีกหลายราย ไม่ต้องถามว่าค่าตัวเท่าไหร่ แค่ค่าดอกไม้ที่สั่งซื้อจากเมืองไทย ก็เป็นหลักแสนแล้ว
ธุรกิจรับจัดดอกไม้จึงเป็นโอกาสทองของไทยในสังคมอินเดีย ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับดอกไม้
มาตั้งแต่ในอดีตที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า มาจนถึงปัจจุบัน ที่ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวันเกิด ขึ้นบ้านใหม่ การต้อนรับคนใหญ่คนโต แม้แต่การประชุม ก็จะเห็นการประดับตกแต่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดยกสวนกันมาทีเดียว
ความงดงามมีเอกลักษณ์ของกล้วยไม้ไทย บวกกับฝีมือประณีตของคนไทย เป็นโอกาสทางธุรกิจงามๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
แต่แทนที่จะต่างคนต่างไป หรือไปแบบเป็นลูกจ้าง ถ้าคิดทำให้เป็นธุรกิจแบบเป็นระบบครบวงจรที่คนไทยทำเอง ก็จะยิ่งเป็นการสร้างคุณค่าให้กับของดีและฝีมือคนไทย
คนไทยฝีมือดีมีเยอะ แต่สิ่งที่ยังขาดที่เป็นอุปสรรคทำให้คนไทยยังออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศไม่ได้มาก คือภาษาอังกฤษ และทักษะการบริหารจัดการ
เรื่องนี้ ภาครัฐช่วยได้ ถ้าหน่วยงานหลักๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษา จะช่วยสนับสนุนการสร้างสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ สอนภาษาอังกฤษให้ใช้ ติดต่อประสานงานได้ และให้รู้จักวิธีทำธุรกิจพื้นฐาน ก็จะทำให้คนไทยมีโอกาสในต่างประเทศในฐานะเจ้าของกิจการได้อีกมาก
คนอินเดียมีใจให้กับไทยอยู่แล้ว ปีๆ หนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาไทยเกือบล้าน รู้จักของดีเมืองไทย และยังมีความรู้สึกใกล้ชิดกับไทย เพราะมีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมคล้ายกัน ก็น่าจะใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจในอินเดีย
ถ้าคนไทยตั้งบริษัทรับจัดดอกไม้ขึ้นมาได้ โอกาสทองก็มีให้เห็นอยู่ตรงหน้า แค่เฉพาะช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ตุลาคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นฤกษ์ดี ก็มีงานแต่งไม่เว้นแต่ละวัน งานหนึ่ง งบประมาณสำหรับแค่การจัดดอกไม้เป็นหลักล้าน เศรษฐีแต่ละคนใช้งานแต่งงานลูกหลานเป็นการอวดสถานะทางสังคมอย่างเต็มที่ ยอมจ่ายไม่อั้น เพื่อทำให้งานของตัวเองเลิศหรูกว่าใครๆ และอยากใช้บริการที่แตกต่างจากคนอื่น
หากบริษัทไทย ทำได้ตั้งแต่การติดต่อสั่งดอกไม้ จัดส่งตรงจากเมืองไทยไปอินเดีย หานักจัดดอกไม้ฝีมือดีพร้อมทีมงาน ออกแบบเก๋ไก๋ตามใจลูกค้ากระเป๋าหนัก ทำธุรกิจครบวงจรแบบนี้ รับรองงานเข้าไม่ขาดสาย
หรือถ้าจะคิดการไกลไปกว่านั้น เพิ่มบริการจัดอาหารไทยเข้าไปด้วย ก็ยิ่งน่าจะเป็นที่ต้องการ ซึ่งเรื่องนี้ ก็ไม่น่ายาก ในอินเดีย พอมีเชฟไทยอยู่บ้างแล้ว ยิ่งมีบริการอาหารไทย ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนอาชีพเชฟไทยให้ติดตลาด กลายเป็นธุรกิจครบวงจร
น่าเสียดายที่ตอนนี้ ดอกกล้วยไม้จากเมืองไทยที่ใช้กันอยู่ตามโรงแรมใหญ่ หรือในงานแต่งงานในอินเดีย เป็นการซื้อแบบผูกขาดโดยคนอินเดียที่ไปกว้านซื้อถึงที่จากสวนดอกไม้เมืองไทย ทำให้ชาวสวนของเราได้ผลตอบแทนแบบไม่คุ้มค่า
ในวงการดอกไม้ของต่างประเทศ มีวิธีซื้อขายที่ฝ่ายชาวสวนจะไม่ถูกเอาเปรียบ คือรวมตัวกันขายดอกไม้ด้วยวิธีประมูล ใครให้ราคาสูงสุด ก็ได้ไป แบบนี้ เรากำหนดราคาพื้นฐานได้ และชาวสวนก็จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าเหนื่อย ไม่ใช่ปล่อยให้พ่อค้าต่างชาติกดราคาแบบไม่มีทางเลือก แล้วไปฟันกำไรเหนาะๆ ที่ประเทศตัวเอง วิธีประมูลแบบนี้ ประเทศไหนๆ ก็ใช้กัน
น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ช่วยกันผลักดันให้คนไทยออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศแบบเต็มภาคภูมิ ที่ไม่ใช่เป็นแค่ลูกจ้าง เพราะคนไทยทำได้มากกว่านั้น
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ มองอินเดียใหม่ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ตอนที่ 47