ผลการประชุมประจำเดือนมิถุนายน ของทีมประเทศไทยในกรุงนิวเดลี
ทีมประเทศไทยแสดงความพร้อมสนับสนุนโครงการแสดงแฟชั่นผ้าไหมไทยของศูนย์ศิลปาชีพและเครื่องประดับของ Lotus Arts de Vivre ปลายเดือน พ.ย.นี้ นอกจากนี้ ยังถกทิศทางยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่โลกและโอกาสของการบินไทยในรัฐคุชราต
เช่นเคยเป็นประจำทุกเดือน เมื่อ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายพิศาล มาณวพัฒน์ ทูตไทย ได้เป็นประธานการประชุมทีมประเทศไทยประจำเดือน มิ.ย. ที่สถานทูตในกรุงนิวเดลี โดยมีหัวหน้าสำนักงานต่างๆ ทั้งผู้ช่วยทูตทหารเรือ ผู้ช่วยทูตทหารอากาศ ผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์ อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผู้ช่วย ผอ.ททท. และ ผจก.ทั่วไป บ.การบินไทย และข้าราชการสถานทูต เข้าร่วมด้วย
Thaiindia.net ขอรายงานประเด็นสำคัญๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและคนไทยทั่วไป ดังนี้
โครงการแสดงแฟชั่นผ้าไหมไทยของศูนย์ศิลปาชีพและเครื่องประดับของ Lotus Arts de Vivre
ทีมประเทศไทยโดยการนำของสถานทูต สำนักงาน ททท. และ บ.การบินไทย จะร่วมมือกันจัดโครงการส่งเสริมความนิยมไทยเจาะตลาดสังคมไฮโซอินเดียรวมทั้งคณะทูตในนิวเดลี โดยจุดเด่นที่สุดของงานคือการนำเสนอผ้าไหมไทยของศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปีนี้
ผู้สนับสนุนหลักของโครงการคือ บ. Lotus Arts de Vivre ที่เป็นบริษัทผลิตและส่งออกเครื่องประดับอัญมณีและสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำของไทย ของคุณรอฟ วอน บูเรน นักเดินทางนักธุรกิจชาวเยอรมันที่ชื่นชมความงดงามของศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยจะร่วมกับสถานทูตจัดงานแสดงแฟชั่นผ้าไหมไทยที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์อินเดียแนวหน้าและเครื่องประดับของบริษัทฯ ที่ทำเนียบทูตไทยใจกลางกรุงนิวเดลี ค่ำวันที่ 22 พ.ย. 55 นี้
งานนี้ นอกจากจะได้แสดงความละเมียดละไมและปราณีตของศิลปไทยผ่านสินค้าชั้นสูงอย่างผ้าไหมและอัญมณีให้ประจักษ์ต่อสายตาสังคมชั้นสูงในนิวเดลีแล้ว ยังจะเป็นโอกาสให้นักธุรกิจชั้นนำของไทยมาสร้างเครือข่ายกับนักธุรกิจอินเดียด้วย และคาดว่าจะมีภาคธุรกิจของไทยเข้าร่วมสนับสนุนอีกหลายราย
ยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่โลก
ทีมประเทศไทยได้หารือรับลูกต่อ ตอบโจทย์ของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ฯ ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่โลก ให้เข้ากับตลาดความนิยมอาหารไทยในอินเดีย โดยเห็นร่วมกันว่า การส่งเสริมอาหารไทยให้นิยมในอินเดียควรปรับและพัฒนาอาหารแบบมังสวิรัติให้มีรสชาติถูกปากคนอินเดีย เพราะชาวภารตะกว่า 60% เป็นมังสวิรัติ ตอนนี้ อาหารไทยเป็นที่นิยมเฉพาะในกลุ่มไฮโซอินเดีย คนมีเงินและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้น ส่วนเรื่องอาหารฮาลาลไม่น่าจะมีลู่ทาง เพราะคนมุสลิมอินเดียนิยมกินเนื้อสัตว์ที่ฆ่าสดๆ อีกทั้งอาหารสุขภาพก็น่าจะไม่เป็นที่นิยมที่นี่ เพราะคนอินเดียนิยมอาหารรสจัดและมัน
สำหรับตรา Thai Select ที่รัฐบาลตั้งใจจะมอบให้แก่ร้านอาหารไทยที่ได้มาตรฐาน ทีมประเทศไทยเสนอว่าน่าจะมอบให้เฉพาะชนิดอาหาร เช่น ผัดไทย ต้มยำ ไม่ใช่มอบให้ทั้งร้าน เพราะร้านอาหารไทยต้องปรับเปลี่ยนรสชาติให้เข้าลิ้นอินเดีย ตัวอย่างที่เคยเกิดมาแล้วก็อย่างเช่น McDonald’s ที่ต้องปรับเมนูให้คุ้นลิ้นคนอินเดียมากขึ้น ส่วนสาขาร้านอาหารชื่อดังอย่าง Blue Elephant ยังถึงกับต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเพราะไม่ประสบความสำเร็จ อาหารไทยที่นี่จึงแฝงอยู่ในเมนูร้านเอเชีย หรือภัตตาคารบุฟเฟต์ในโรงแรมหรูเท่านั้น
ประเด็นเหล่านี้ยังคงต้องขยาย รวมถึงปัญหาวีซ่าและใบอนุญาตทำงานด้วย เร็วๆ นี้ ทูตไทยจะเชิญพ่อครัวแม่ครัวไทยที่ทำงานในอินเดียมาร่วมทานอาหาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นในการผลักดันยุทธศาสตร์นี้ให้เกิดผล และเป็นการขอบคุณตัวแทนทางวัฒนธรรมของไทยเช่นพวกเขาทุกคนด้วยไปในตัว
คุณเจนต์ เลี่ยมมินฟุล อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ยังบอกกับที่ประชุมด้วยว่า การนำเข้าสินค้าอาหารและเกษตรของไทยมาอินเดียก็ยังมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนของมาตรฐานศุลกากรอินเดียที่ใช้ตรวจสอบ ส่วนใหญ่จะสุ่มตรวจ ทำให้สินค้าเกิดความเสียหาย เรื่องนี้ ทีมประเทศไทยจะคุยลึกในรายละเอียดกันต่อไป หากฝ่ายอินเดียทำไม่ถูกกับหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ ก็ต้องมีการเดินหน้าไปพูดคุยกัน
ผลการเยือนรัฐคุชราต
ทูตไทยเล่าให้ที่ประชุมฟังถึงผลการเยือนรัฐคุชราต เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าเป็นรัฐที่มีความพร้อมสำหรับนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เอกชนไทยจึงน่าจะมีโอกาสทางธุรกิจ ทั้งโครงการ Delhi-Mumbai Industrial Corridor (DMIC) และ Gujarat International Finance Tech City (GIFT City)
ที่น่าจะจุดประกายได้มากที่สุด น่าจะเป็นข้อมูลเรื่องสนามบินนานาชาติในเมืองอาห์เมดาบัดที่เป็นเมืองหลวง ที่มีศักยภาพเป็นจุดบินไปไทยได้ เพราะคนคุชราตมีเงินและชอบเที่ยวรวมถึงจัดงานแต่งงานในไทย เรื่องนี้ มุขมนตรีของรัฐ นายนาเรนทรา โมดิ ก็ได้ให้ทางเลือกสายการบินไทยลองเปิดเส้นทางอาห์เมดาบัด-มุมไบ-กรุงเทพฯ รวมทั้งให้บริการขนส่งสินค้าด้วย
โดยอาจจะได้ความชัดเจนเรื่องนี้มากขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่ทีมประเทศไทยจะนำทีมนักธุรกิจไทยไปสำรวจลู่ทางที่รัฐคุชราต ตามคำเชิญของมุขมนตรีนาเรนทรา ซึ่งทางการบินไทยก็พร้อมจะร่วมคณะไปด้วย
หากเป็นไปได้ น่าจะทำให้การบินไทยยอดพุ่งกระฉุดทะลุติดเพดาน เพราะคุณกรกฏ ชาตะสิงห์ ผจก.ใหญ่รายงานว่า แค่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเดือนเดียว เทียบกับปีที่แล้ว ยอดเติบโตในอินเดียมีกว่า 14,700 คน คิดเป็น 30% สอดคล้องกับที่คุณกิติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้ช่วย ผอ.ททท.แจ้งว่า ยอดนักท่องเที่ยวเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 14.29% แม้เป้ายังจะไม่สูงเท่าที่คาด แต่อาจจะมีเฮในช่วงเดือนต่อๆ ไปที่เริ่มมีกลุ่มเข้าไปประชุมในไทยมากขึ้น
สำหรับเรื่องภารกิจติดตามผลการเยือนอินเดียของนายกรัฐมนตรี ที่ภาคเอกชนยังรอคำตอบการไขปัญหาจากภาครัฐอยู่ ทีมประเทศไทยในอินเดียสรุปผลว่าได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว รอเพียงให้หน่วยงานที่รับผิดชอบที่กรุงเทพฯ ช่วยสานต่อให้ ตารางสรุปผลนี้ ทีมงาน thaiindia.net ก็ได้นำมาลงเผยแพร่ในเว็บไซต์นี้แล้ว
ท้ายที่สุด ที่ประชุมรับทราบว่า สถานทูตจะจัดงานพิธีทางศาสนาเป็นการถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หรือวันแม่ 12 ส.ค. 55 ที่ทำเนียบทูตไทย ยินดีต้อนรับคนไทยในอินเดียทุกท่าน เสร็จจากพิธีถวายภัตตาหารพระสงฆ์แล้ว ขอเชิญรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน ติดตามรายละเอียดกำหนดการได้ที่ http://www.thaiemb.org.in
คณิน บุญญะโสภัต
รายงานจากกรุงนิวเดลี
8 มิ.ย. 55