กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ Inside India ตอน โอกาสความร่วมมือไทย-อินเดีย : สดใสขึ้นทุกด้าน
โอกาสความร่วมมือไทย-อินเดีย : สดใสขึ้นทุกด้าน
โดย พิศาล มาณวพัฒน์
พรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สองของรอบปีนี้ เพื่อเข้าร่วมกับผู้นำอาเซียนอื่นในการฉลองความสัมพันธ์ อาเซียน-อินเดีย ครบ 20 ปี
อินเดียเป็นประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจอันดับสี่ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ผู้คนมีทัศนคติที่ดีต่อไทย ชอบเที่ยวเมืองไทย นิยมสินค้าไทย การที่ไทยจะขยายความร่วมมือให้ใกล้ชิดกับอินเดียซึ่งเป็นต้นแบบศาสนา ความเชื่อ ภาษา และวัฒนธรรม จึงเป็นวิเทโศบายที่ชอบด้วยเหตุและผล
จุดแรกที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์จะแวะเยือนก่อนบินไปเมืองหลวงคือ เมืองคยาในรัฐพิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดไทยพุทธคยา อันเป็นวัดแห่งแรกของไทยในต่างประเทศ มีความเด่นเป็นสง่า ไม่ไกลจากต้นพระศรีมหาโพธิ์อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า วัดนี้รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 ตามคำเชิญของท่านยะวาหะร์ลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียที่เคยกล่าวว่า หากจะต้องเลือกนับถือศาสนาใดแล้วก็ขอเลือกพุทธศาสนา
ด้วยความมานะบากบั่นของพระธรรมทูต และแรงศรัทธาของชาวพุทธจากประเทศไทย ที่ช่วยกันสร้างและขยายวัดทั่วเขตสังเวชนียสถาน ทำให้พุทธศาสนาที่รุ่งเรืองในไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้หวนกลับไปสู่แผ่นดินพุทธภูมิ
สูงสุดกว่าสิ่งใด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้กลับคืนสู่เมืองกุสินารา โดยประดิษฐานในวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระมหากรุณาธิคุณนี้นับเป็นสัญลักษณ์ที่จะผูกพันไทยกับอินเดียไปอีกนานเท่านาน
ความร่วมมือด้านพุทธศาสนาจึงเป็นโอกาสที่งดงามและเด่นชัด ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งพระสงฆ์ไทยในอินเดียได้ทำและทำได้อย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานปฏิบัติธรรม คลินิกรักษาผู้แสวงบุญและชาวบ้านท้องถิ่น โรงเรียนวันอาทิตย์แก่เยาวชนท้องถิ่น ในขณะที่ทางการอินเดียก็เห็นประโยชน์จากการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของชาวพุทธนับล้านในหลายรัฐของอินเดีย
นอกจากการอาศัยเส้นทางบุญตามรอยพระพุทธเจ้าในการส่งเสริมชาวพุทธจากประเทศไทยให้น้อมนำธรรมะมาปฏิบัติแล้ว ภารกิจข้างหน้าที่ท้าทายพระธรรมทูต ภายใต้การนำของพระราชรัตนรังษี ผู้มีวิสัยทัศน์และเป็นนักพัฒนา คือการหยั่งรากพุทธศาสนาในหมู่ประชาชนชาวภารตะ
เช้าวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะประชุมกับภาคเอกชนไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่ทูตไทยจะได้รายงานการบ้านที่นายกรัฐมนตรีมอบไว้จากข้อเสนอของนักธุรกิจ ตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้วเมื่อต้นปีว่า ทีมประเทศไทยในอินเดียได้ตอบโจทย์ภาคธุรกิจไทยไปเกือบหมดแล้ว ยกเว้นการจัดทำความตกลงยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นการบ้านที่หน่วยงานไทยที่กรุงเทพฯ ต้องทำ และเรื่องวีซ่านักธุรกิจที่ได้รับการแก้ไขดีขึ้นแล้ว แต่ต้องพูดคุยกับสถานทูตอินเดียต่อเนื่องเพื่อให้การออกวีซ่าธุรกิจให้เอกชนไทยมีความรวดเร็วโปร่งใสยิ่งขึ้น
การขยายตัวทางการค้าและการลงทุน จึงเป็นโอกาสความร่วมมือด้านที่สอง ที่มีแต่จะสดใสมากยิ่งขึ้น เพราะต่างมีแผนการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศตน และยังมีการเชื่อมโยงทางถนนจากไทยผ่านพม่าไปเขตตะวันออก
เฉียงเหนือของอินเดียที่นิยมชมชอบไทยเป็นทุนเดิม ตลอดจนการเชื่อมโยงเมืองท่าฝั่งตะวันออกของอินเดียกับท่าเรือน้ำลึกในทวายและแหลมฉบัง นอกเหนือจากแรงส่งจากการเปิดเสรีด้านการค้า บริการและการลงทุน และความต้องการมหาศาลของชนชั้นกลางอินเดียที่มีจำนวนพอๆ กับคนอเมริกันทั้งประเทศ
ในด้านสาขาบริการ โรงแรมชั้นนำของไทยหลายแห่งก็ได้เข้ามาบริหารงาน ซื้อกิจการ และมีแผนขยายไปในหลายเมือง สถานทูตไทยก็มีโครงการส่งเสริมให้โรงแรมชั้นนำของอินเดียจ้างพ่อครัว/แม่ครัวจากไทย เพื่อคงรสชาติของอาหารไทยในอินเดีย อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้งานที่มีค่าตอบแทนสูง เช่นเดียวกับการส่งเสริมให้คนไทยทำงานในสปาระดับหรู ห้าดาวของโรงแรมชั้นนำเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนดี และรักษาชื่อเสียงของหญิงไทย แทนการเปิดเสรีบริการเพื่อให้หญิงไทยพากันไปรับจ้างในสปาห้องแถว ซึ่งรังแต่จะถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกล่วงเกินเสื่อมเสีย
โอกาสที่สามที่เป็นอีกหนึ่งโอกาสเด่น คือการท่องเที่ยว ในปีนี้ประเทศไทยรับรางวัลยอดเยี่ยมด้านการท่องเที่ยวของวงการต่างๆ ในอินเดียแทบทุกเดือน ล่าสุด นิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำได้มอบรางวัลประเทศที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด ปีกลายนักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายเงินในไทยกว่าสามหมื่นล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีชาวอินเดียเดินทางไปเที่ยวไทยหนึ่งล้านคน ต่อไปก็จะมีแต่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนไทยก็เริ่มสนใจอินเดีย ทั้งในเส้นทางบุญและรัฐอื่นๆ ที่ยังมีสิ่งอัศจรรย์น่ารู้ น่าชมอีกมาก ข้อสำคัญการท่องเที่ยวไทยต้องคำนึงถึงลูกค้าตลาดบนให้มากๆ เพราะอินเดียมีเศรษฐีมีระดับที่พร้อมจะจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว ถ้าถูกใจ เมื่อคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา สถานทูตได้จับมือกับ ททท. การบินไทยที่กรุงนิวเดลี และเอกชนชั้นนำด้านการออกแบบเครื่องประดับและเครื่องแต่งบ้านหรูหราระดับโลกจากไทย จัดงานราตรีผ้าไหมและอัญมณี ตอกย้ำให้แขกมีระดับและสื่ออินเดียประจักษ์ในของชั้นสูงของไทย
โอกาสที่สี่คือ ความร่วมมือด้านการศึกษาในอินเดีย เพราะอินเดียเป็นแหล่งความรู้ วิทยาการ เรียนด้วยภาษาอังกฤษ ฝึกความอดทน และค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศตะวันตกหลายเท่า นอกจากนี้ อินเดียยังมีมหาวิทยาลัยมุสลิมชั้นนำที่เปิดสอนหลักสูตรสามัญเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นทางเลือกของเยาวชนไทย-มุสลิมโดยเฉพาะจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ให้โอกาสก้าวหน้าในชีวิตได้อย่างมีเกียรติ เรื่องนี้สถานทูตกำลังเดินร่วมกับหลายฝ่ายในประเทศไทย
บ่ายวันศุกร์ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเหินฟ้าเพื่อไปเยือนบังคลาเทศ รัฐมนตรีกลาโหมไทยก็จะเริ่มกำหนดการเยือนนิวเดลีอย่างเป็นทางการ ก้าวหมากของกระทรวงกลาโหมที่จะผูกไมตรีกับประเทศประชาธิปไตยที่มีแสนยานุภาพทางทหารและอาวุธนิวเคลียร์เช่นอินเดีย จึงสอดรับกับแนวนโยบายต่างประเทศที่ประสงค์จะกระชับความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ไทย-อินเดีย อย่างลงตัว
มิติการต่างประเทศที่มุ่งกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ความใกล้ชิดระดับผู้นำและความนิยมไทยให้แพร่หลาย คือการทูตเพื่อโอกาสและประโยชน์ของคนไทยทุกสาขาอาชีพ