ฐานเศรษฐกิจ: มองอินเดียใหม่ (ตอนที่ 84)
ประโยชน์หลายด้านจากการมีสำนักงานบีโอไอในอินเดีย
สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนหรือบีโอไอ แห่งที่ 14 ของโลก ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่เพิ่งเปิดตัวไปที่มุมไบเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 เป็นนิมิตหมายอันดีที่แสดงถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องเศรษฐกิจ ระหว่างไทยและอินเดีย นอกจากนี้ ยังจะส่งเสริมความเข้มแข็งให้ทีมประเทศไทยในการดำเนินยุทธศาสตร์ด้าน เศรษฐกิจกับประเทศมหาอำนาจเอเชียที่กำลังมีความสำคัญมากขึ้นอย่างอินเดีย
แม้ข้อมูลด้านการลงทุนของทั้งไทยและอินเดียจะมีให้ผู้สนใจได้ค้นหาทั่วไป ตามแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต แต่การมีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่จะสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นแก่นัก ลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ ว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเจ้า ของเรื่อง เป็นการทำงานเชิงรุกในการส่งเสริมให้มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น
อย่างแรกที่เป็นประโยชน์จากการเปิดสำนักงานบีโอไอในแดนภารตก็คือการแสดงถึง ความจริงใจของฝ่ายไทยในการผลักดันความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนให้เป็น รูปธรรม สมดังเจตนารมณ์ของผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายที่แสดงไว้ร่วมกันในผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี อินเดียเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ทูตไทยประจำอินเดีย นายพิศาล มาณวพัฒน์ กล่าวในพิธีเปิดสำนักงานบีโอไอในเมืองมุมไบว่า เห็นได้ชัดว่า ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดนั้น นายกรัฐมนตรีอินเดียมีความยินดีต่อผลความคืบหน้าความสัมพันธ์ในหลายๆ ด้าน โดยในด้านเศรษฐกิจ จะมีการจัดตั้ง Indo-Thai Business Forum ให้ความช่วยเหลือวีซ่านักธุรกิจ และเพิ่มการเชื่อมโยงต่างๆ ทั้งทางอากาศ ทางเรือ และทางถนน
สำนักงานบีโอไอจะเป็นหน่วยงานหลักในช่วงการก่อตั้ง Indo-Thai Business Forum ซึ่งจะเป็นเวทีร่วมของนักลงทุน 2ฝ่าย เพื่อหารือกันเรื่องการกระชับความสัมพันธ์การค้าและการลงทุน และเสนอแนะนโยบายส่งเสริมการค้าการลงทุนให้แก่รัฐบาลทั้ง 2 ด้วย
บีโอไอทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชนไทยที่สำคัญและช่ำชองอินเดียหลายท่าน ที่สำคัญก็ได้แก่ คุณอนุสรณ์ มุทราอิศ จากเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ คุณเจน นำชัยศิริ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณไพรัช บูรพชัยศรี ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณสุชาดา สุขพันธุ์ถาวร จากธนาคารกรุงเทพ และคุณเมธา จันทร์แจ่มจรัส จากบ้านพฤกษา ซึ่งก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีต่อการเปิดสำนักงานในมุมไบครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ บีโอไอจะช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักลงทุนไทย ให้เห็นภาพการลงทุนในอินเดียและชี้ช่องทางให้ นักธุรกิจและนักลงทุนไทยจะได้มีความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจที่อินเดีย รวมทั้งอุ่นใจที่มีภาครัฐคอยเอาใจใส่ดูแลในพื้นที่
เรื่องข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะการลงทุนในอินเดียที่มีกฎระเบียบต่างๆ ค่อนข้างซับซ้อน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี ภาครัฐของอินเดียทั้งส่วนกลางและในรัฐต่างๆ ที่มีศักยภาพ เช่น คุชราต ราชาสถาน มหาราษฏระ ทมิฬนาฑู ก็มีการอำนวยความสะดวกเรื่องการขออนุญาตจัดตั้งธุรกิจในอินเดีย และมีกลไกต่างๆ รวมถึงบริการออนไลน์ เพื่อทำให้การลงทุนในอินเดียง่ายเหมือนปอกกล้วย
ในทางกลับกัน นักลงทุนอินเดียก็จะได้รับการช่วยเหลือเรื่องการไปลงทุนในไทยถึงประตูบ้าน ตัวเอง สำนักงานบีโอไอจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจอินเดียเหล่านี้ ส่งเสริมให้ไทยเป็นสวรรค์ของนักลงทุนอินเดีย กระตุ้นตัวเลขการลงทุนในไทยจากอินเดียให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน สถิติระหว่างปี 2550-2555 อยู่ที่ 114 โครงการ มูลค่า 30,203 ล้านบาท
นอกจากบริษัทอินเดียใหญ่ๆ ที่ลงหลักปักฐานในไทย อย่าง กลุ่มอดิตยา เบอร์ล่า ยางอพอลโล อินโดรามา หรือทาทา มอเตอร์สแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทที่แสดงความสนใจจะไปลงทุนในไทย และอยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาต่างๆ ของไทย อาทิเช่นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านบาท
Mr. M.K. Birla ประธานกลุ่มอดิตยา เบอร์ล่า ที่มาร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อไทย ที่เป็นฐานในต่างประเทศฐานแรกของกิจการอดิตยา เบอร์ล่า ที่พ่อของเขาเป็นผู้ริเริ่มและตัดสินใจเลือกไทยเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ก่อนจะขยายกิจการไปกว่า 36 ประเทศในปัจจุบัน กิจการของเครือบริษัทที่อยู่ในไทยมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กว่า 2 ใน 3 หรือประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกจากไทยไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก Mr. Birla ยังกล่าวว่า ไทยมีความได้เปรียบเรื่องนโยบายการส่งเสริมการลงทุนที่ก้าวหน้า สภาพเศรษฐกิจที่มั่นคง โครงสร้างพื้นฐานยอดเยี่ยม แนวคิดที่เป็นสากล และแรงงานที่ขยันขันแข็ง
สุดท้าย สำนักงานบีโอไอในอินเดียจะเป็นส่วนสำคัญของทีมประเทศไทย ในการหารือกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานในอินเดีย ปัจจุบันทีมประเทศไทยในอินเดียพยายามดึงให้ภาคเอกชนสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมใน การประชุมและมีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อจะได้ดำเนินงานด้านเศรษฐกิจให้เกิดผลสูงสุด บีโอไอซึ่งเป็นหน่วยงานที่พูดภาษาเดียวกันกับภาคเอกชน น่าจะทำให้ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในการทำงานด้านเศรษฐกิจในมิติต่างๆ
ผู้สนใจอย่ารอช้า ติดต่อ ผอ.กนกพร โชติปาล ที่ประจำอยู่ที่สำนักงานบีโอไอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ ที่โทร. (91 22) 2204 1589-90 โทรสาร (91 22) 2281 0808 และอี-เมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
โดย คณิน บุญญะโสภัต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,859 วันที่ 7 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556