ตลาดมังสวิรัติอินเดีย...โอกาสที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อต้องเดินทางไปกลับกัลกัตตา-กรุงเทพฯ ผู้เขียนใช้บริการสายการบินประจำชาติทุกครั้งไป จนกระทั่งจำเมนูอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องได้ สำหรับเที่ยวบินที่มีปลายทางเป็นอินเดีย สายการบินมักจัดอาหารหลักเป็นไก่และมังสวิรัติ
ตามที่ได้เคยเล่าให้ฟังในครั้งก่อน ๆ ว่าประเทศนี้กว้างใหญ่ไพศาล ประชากรจำนวนมหาศาลและมีความเชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สายการบินจึงเตรียมอาหารสำหรับบริการผู้โดยสารโดยให้เลือกระหว่างมังสวิรัติ (vegetarian หรือที่ชาวอินเดียเรียกสั้นๆ ว่าเวจ) หรือเนื้อสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง (เนื้อไก่นับว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย หลายเชื้อชาติศาสนารับประทานได้) เหตุที่นิยมรับประทานมังสวิรัติกันมาก หลักๆ มาจากการปฏิบัติตามความเชื่อศรัทธาต่อศาสนา (มังสวิรัติในอินเดียแตกต่างกันไปตามพื้นที่แลหลักปฏิบัติทางศาสนา อาทิ มังสวิรัติฮินดูทานผลิตภัณฑ์จากนมวัวได้ มังสวิรัติเจไม่ทานพืชมีหัวในดิน เป็นต้น )
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเล่าถึงต้นกำเนิดการทานมังสวิรัติของแดนภารตว่าปรากฏหลักฐานในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงมีพระราชโองการห้ามมิให้ประชาชนทานเนื้อสัตว์ จนกระทั่งต่อมาในยุคที่ศาสนาต่างๆ เริ่มมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางและผู้คนยึดหลักปฏิบัติตามกันเรื่อยมาทั้งประเทศจนถึงปัจจุบัน ประมาณการได้ว่าชาวอินเดียกว่า 40% เป็นกลุ่มที่รับประทานมังสวิรัติ อย่างไรก็ดี วิถีมังสวิรัติตามความเข้าใจของชาวตะวันตกและในหมู่ชาวอินเดียเองมีรายละเอียดแตกต่างกันไป จึงเป็นสาเหตุที่สำรวจตัวเลขที่แน่ชัดได้ค่อนข้างยาก
อินเดียไม่ได้มีดีที่เพียงขนาดตลาด แต่ยังเต็มไปด้วยประชากรหนุ่มสาว ค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ประมาณ 25 ปีเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญต่อความสำเร็จในการเจาะตลาด เมื่อปี 2011 Euromonitor International ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการรับประทานของผู้บริโภคในประเทศต่าง ๆ พบว่า วัยรุ่นอินเดียจำนวนถึง 6 ใน 10 เลือกทานมังสวิรัติ เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนาและตามแนวคิดเรื่องการรักษาสุขภาพและดูแลรูปร่างซึ่งเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามสมัยนิยม กลุ่มนี้เองที่มีโอกาสได้ลิ้มลองและเปิดใจรับอาหารนานาชาติมากกว่าช่วงอายุอื่น นอกจากนี้ ตลาดผู้บริโภคอินเดียที่อาศัยอยู่ในเมืองมีขนาดถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด และเป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดผู้บริโภคฐานะปานกลางขึ้นไปที่ยอมซื้อของราคาสูงกว่าเพื่อเน้นคุณภาพจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีอัตราเติบโตถึง 21% ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่าไม่เพียงแค่ผู้บริโภคอินเดียยุคใหม่มีจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่กำลังซื้อรายคนยังค่อย ๆ ปรับสูงขึ้นตามขนาดเศรษฐกิจของประเทศ
หากเทียบพฤติกรรมการทานมังสวิรัติของไทยแล้ว จำนวนยังห่างจากอินเดียหลายโกฏิ ส่วนใหญ่คนไทยทานมังสวิรัติเป็นเวลาไม่กี่วันต่อสัปดาห์เพื่อละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตามความเชื่อทางศาสนา บ้างทานเพื่อเน้นผลลัพธ์ด้านสุขภาพ อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคไทยกลับมีทางเลือกในการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติแปรรูปเยอะกว่าอินเดียหลายขุม ถึงแม้จะผลิตจากวัตถุดิบเดียวกันคือแป้งและธัญพืชตระกูลถั่วเหลือง แต่ไทยเรามีความสามารถในการพัฒนารสสัมผัส รสชาติ แต่งกลิ่นสีจนใกล้เคียงหมูเป็ดไก่กุ้งได้ แม้กระทั่งโปรตีนเกษตรหรือฟองเต้าหู้ยังมีการนำไปแปรรูปอบกรอบไว้ทานเล่นเหมือนมันฝรั่งทอด เห็ดหอมปรุงรสในซองสุญญากาศพร้อมรับประทาน อาหารประเภทผัดหรือแกงใส่เต้าหู้โปรตีนเกษตรบรรจุกระป๋อง ฯลฯ อาหารมังสวิรัติสำเร็จรูปจะขายดีเป็นพิเศษเมื่อมีเทศกาลกินเจตามประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน
ผู้บริโภคอินเดียมักรับประทานโปรตีนเกษตรรูปแบบเดิมคือเป็นก้อนสี่เหลี่ยมอบแห้งที่ต้องนำไปปรุงต่อ วัตถุดิบประกอบมื้ออาหารมังสวิรัติมักเป็นพืชผัก เช่น มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ ดอกกะหล่ำ ข้าวโพดอ่อน ธัญพืชต่าง ๆ และ paneer (ปะเนียร์) ซึ่งเป็นชีสชนิดหนึ่ง หน้าตาคล้ายเต้าหู้ รสชาติอ่อนใกล้เคียงกับคอตเตจชีส โดยทั่วไป อาหารอินเดียมักปรุงโดยนำวัตถุดิบมาแกงใส่เครื่องเทศ ผัดน้ำมัน ทอดกรอบ หรือนำไปทอดก่อนแล้วเคี่ยวต่อในแกงก็พบมาก ทานคู่กับแป้งประเภทต่าง ๆ เช่น นาน โรตี จาปาตี ฯลฯ ในซูเปอร์มาร์เก็ตตามเมืองใหญ่ ยังพอจะเห็นอาหารแปรรูปวางจำหน่ายอยู่บ้าง เช่น ข้าวโพด ถั่ว เครื่องดื่ม และผลไม้บรรจุกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ แต่ยังไม่พบแกงกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปมากนัก ด้วยอินเดียยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอาหารแปรรูปและอาหารพร้อมรับประทาน กอปรกับพฤติกรรมการรับประทานและวิถีชีวิตของชาวอินเดียในเมืองใหญ่ที่กำลังปรับตัวสอดรับค่านิยมสมัยใหม่ เช่น การอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวเดี่ยวเริ่มเข้ามาแทนที่ครอบครัวขยาย ผู้หญิงได้รับการยอมรับในการออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ต้องมองหาทางเลือกที่สะดวกสบายและประหยัดเวลาในการเตรียมอาหารสำหรับสมาชิกครอบครัว
ตลาดผู้บริโภคมังสวิรัติของประเทศอินเดียเป็นอีกตลาดหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติสำเร็จรูปจากไทย และโดยที่อาหารไทยนั้นขึ้นชื่อในอินเดียจนอยู่ตัวแล้วจึงเป็นการเพิ่มช่องทางให้แก่ชาวอินเดียในการเข้าถึงอาหารไทยโดยไม่จำเป็นต้องไปรับประทานที่โรงแรมหรือร้านอาหารราคาแพงอีกด้วย ผู้ประกอบการที่สนใจควรศึกษาตลาดผู้บริโภคในอินเดีย ความเสี่ยง และกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าประเภทอาหารแปรรูปซึ่งมีรายละเอียดและความซับซ้อนอยู่พอสมควร
โดย ภัทธิรา เจียมปรีชา
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,017 วันที่ 11 - 14 มกราคม พ.ศ. 2558