สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์ 26กุมภาพันธ์– 4 มีนาคม 2559 (อินเดีย)
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์
26กุมภาพันธ์– 4 มีนาคม 2559 (อินเดีย)
1. ผล Economic Survey 2016 ชี้อินเดียเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มืดมน
Economic Survey 2016: India a haven of stability amidst gloomy global economic landscape
นิวเดลี:
หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจArvid Subramanian ได้เปิดเผยผล Economic Survey 2016 พบว่าท่ามกลางสภาพความมืดมนไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก อินเดียเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพและเต็มไปด้วยโอกาสทางเศรษฐกิจ
ผลจากการสำรวจดังกล่าว พบว่า
- เศรษฐกิจมหภาคของอินเดียมีเสถียรภาพ เห็นได้จากความมุ่งมั่นของรัฐบาลอินเดียในการใช้จ่ายงบประมาณและการลดลงของอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ทั้งนี้ อินเดียมีระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการขยายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
- ผลจากการปฏิรูปเพื่อลดการคอร์รัปชั่น และการดึงดูด FDI จากทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นจากการลดข้อจำกัด และความสลับซับซ้อนของขั้นตอนและกฎระเบียบต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจในอินเดีย
- การปรับปรุงระบบ Minimum Alternate Tax (MAT) สำหรับบริษัทต่างชาติ ซึ่งทำให้ต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจในอินเดีย
- การเพิ่มจำนวนผู้มีเงินฝากในบัญชีธนาคารกว่า 200 ล้านคนทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรมากยิ่งขึ้น
- อย่างไรก็ตามผล Survey ยังคงมีความกังวลต่อการคืบหน้าของระบบภาษี GST อยู่
Source: The Economic Times, 26 February, 2016
2.ผล Economic Survey ชี้ FTA อินเดียเพิ่มยอดนำเข้ามากกว่าส่งออก
Economic survey 2016 : FTAs have pushed up imports more than export
นิวเดลี : จากผล Economic Survey 2016
พบว่าการเจรจาความตกลงเสรีทางการค้า หรือ FTAs ของอินเดียส่งผลต่อการนำเข้าของอินเดียมากกว่าการส่งออก ทั้งนี้เนื่องจากเดิมอินเดียมีอัตราภาษีศุลกากรขาเข้าในระดับที่สูงเมื่อมีการลดภาษีดังกล่าวตามข้อตกลงฯ ทำให้มีการไหลเข้ามาของสินค้าต่างๆ มากยิ่งขึ้นจากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากการทำความตกลงฯ กับอาเซียนส่งผลกระทบอย่างยื่ง
จากผลกระทบดังกล่าวทำให้มีการตั้งคำถามถึงการเดินหน้าเจรจาในกรอบ FTA ต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ว่าจะมีการเจรจาในการลดภาษีสินค้าขาเข้าในระดับต่ำต่อไปหรือไม่
สำหรับการเจรจาในกรอบ TPP นั้นอินเดียยังมีความกังวลในกรอบการลดภาษีกว่า 11,000 รายการระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มเจรจา TPP ซึ่งอินเดียเห็นว่าจะส่งผลต่อการส่งออกสินค้าของอินเดียไปยังสหรัฐและยุโรปได้ สินค้าส่งออกของอินเดียที่อาจจะได้รับผลกระทบได้แก่ สินค้ากลุ่มสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น
Source: The Economic Times, 26 February, 2016
3.อินเดียเพิ่มภาษีนำเข้าทองคำและเงินหวังลดการนำเข้า
Government hikes import tariff value on gold, silver.
นิวเดลี:
รัฐบาลอินเดียเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรขาข้าวของสินค้าทองคำและเงินเป็น 399 เหรียญสหรัฐต่อ 10 กรัมของน้ำหนักทองคำ และ 495 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัมของน้ำหนักเงิน หวังลดการนำเข้าสินค้าทั้งสองประเภท
จากการประกาศของ Central Board of Excise and Customs ของอินเดียในเรื่องดังกล่าวจะส่งผลให้ภาษีฯ เพิ่มจากระดับเดิมที่ 388 เหรียญสหรัฐต่อ 10 กรัมของน้ำหนักทองคำ และ 487 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกกรัมของน้ำหนักเงิน ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มราคาและสถานการณ์ปริมาณสภาพคล่องที่มีในตลาดโลก
นอกจากนี้จากการประกาศใช้งบประมาณ ปี 2016-17 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เมษายน 2559 นี้ จะมีการเพิ่มภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีกร้อยละ 1 สำหรับสินค้าประเภทอัญมณีเครื่องประดับอีกด้วย
อนึ่ง อินเดียนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเป็นจำนวน 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือนธันวาคม 2558 เป็นผลเนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ตกต่ำ เมื่อเทียบกับการนำเข้าจำนวน 1.36 พันล้านเหรียญในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
Source: The Economic Times ,29 February, 2016
4. อินเดียอนุญาตการลงทุน 100% จากต่างประเทศในกลุ่มอาหารที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ
Budget 2016: 100% FDI to be allowed in food products produced and marketed in India
นิวเดลี:อินเดียได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนร้อยละ 100 สำหรับธุรกิจประเภทอาหารแปรรูปเพื่อจำหน่ายค้าปลีกในประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทค้าปลีกเช่น Marks & Spencer, Tesco, Walmart และ IKEA สนใจตั้งร้านค้าปลีกเฉพาะอาหารเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น
จากการอนุญาตดังกล่าวของ Ministry of Food Processing และ Ministry of Commerce and Industry จะสามารถทำให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจอาหารเพื่อการค้าปลีกสามารถเพิ่มร้านค้าในตลาดอินเดียได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลอินเดียหวังจะทำให้เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มรายได้และการยกระดับการเกษตรของประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น
สำหรับในปี 2013 อินเดียอนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศโดยตรงในอัตราร้อยละ 51 สำหรับสินค้าค้าปลีก multi-brand และต้องมีการลงทุนอย่างน้อย 100 ล้านเหรียญสหรัฐและอย่างน้อยอีกครึ่งหนึ่งสำหรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับกฎข้อบังคับใหม่จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกจากต่างชาติสามารถจำหน่ายสินค้าอาหารแปรรูปต่างๆ ของตนเองได้โดยปราศจากข้อห้ามใดๆ ตราบเท่าที่ยังเป็นสินค้าอาหารที่ผลิตในประเทศอินเดีย
อนึ่งในปี 2012 รัฐบาลอินเดียได้ตกลงอนุญาตให้บริษัท IKEA ลงทุนจำนวน 105,000 ล้านรูปี ในอินเดียแต่ยังคงติดขัดไม่สามารถลงทุนได้ 100 เปอร์เซ็นสำหรับธุรกิจร้านอาหารในร้าน IKEA และต่อมารัฐบาลอินเดียได้ผ่อนผันอนุญาตให้ IKEA สามารถจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารของตนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของร้าน IKEA ได้
Source: The Economic Times, 29 February, 2016
5.อินเดียจะขยับเป็นประเทศที่มีจำนวน Super Rich ร้อยละ 5 ของจำนวนคนร่ำรวยทั้งโลกในปี 2025
Indians to make up 5% of global super rich by 2025: Report
มุมไบ: จากรายงานของKnight Frank Wealth Report 2016 ได้เปิดเผยว่าในปี 2025
อินเดียจะมีจำนวนบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจำนวนร้อยละ 5 ของจำนวนบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดทั่วโลก ทั้งนี้จากผลการสำรวจ Total High New Worth Individuals (UHNWIs) ของโลกในปี 2025 ได้คาดการณ์ว่าภายในช่วง 10 ปีจนถึงปี 2025 อินเดียจะมีอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นร้อยละ 340 หรือเทียบเท่า 6,020 คน เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนทั้งโลกที่ร้อยละ 61 หรือเทียบเท่า 187,468 คน
สำหรับในปี 2005 อินเดียมีส่วนแบ่งในกลุ่ม UHNWI เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น
จากผลในรายงานดังกล่าว คาดว่า อินเดียจะรั้งอันดับสามสำหรับจำนวนประชากร UHNWI ในช่วง 10 ปีข้างหน้ารองจากสหรัฐและจีนเท่านั้น
สำหรับในจากผลการศึกษาในปัจจุบัน พบว่า กลุ่ม UHNWI ของอินเดีย อยู่อาศัยในมุมไบจำนวน 1,094 คน และอาศัยอยู่ในเดลีจำนวน 545 คน และในช่วง 10 ปีข้างหน้าภายในปี 2025 จะอยู่ในมุมไบจำนวน 2,243 คน และในเดลีจำนวน 1,128 คน
สำหรับในประเด็นของทรัพย์สินที่มีการสะสมเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งจะมีสัดส่วนเพิ่มเติมสำหรับงานศิลปะและผลงานร่วมสมัยและของเก่ามากยิ่งขึ้น ในขณะที่เครื่องประดับยังคงติดอันดับของสะสมอันดับหนึ่งต่อไป
Source: The Economic Times, 2 March 2016
6. อินเดียเล็งใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในสินค้าเคมีภัณฑ์นำเข้าจาก 6 ประเทศ
Anti-dumping duty likely on a chemical imports from 6 nations
รัฐบาลอินเดียคาดจะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) โดยเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสินค้าเคมีภัณฑ์นำเข้าเป็น 127 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตัน สำหรับสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมแป้งและเครื่องหอมต่างๆ โดยเป็นสินค้าที่นำเข้าจาก 6 ประเทศ
การบังคับใช้ดังกล่าวตั้งเป้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจากสินค้านำเข้าราคาถูกจาก สหภาพยุโรป อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน และสหรัฐฯ
ทั้งนี้ The Directorate General of Anti-Dumping and Allied Duties (DGAD) อยู่ระหว่างการพิจารณาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อสรุปสำหรับการทุ่มตลาดสำหรับสินค้านำเข้า 2-Ethly Hexanalซึ่งอาจจะนำเข้าในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายในประเทศต้นทาง โดย DGAD กำหนดช่วงอัตราภาษีในการ
ตอบโต้ฯ ในระดับช่วงระหว่าง 15.55 – 127.82 เหรียญสหรัฐต่อตัน
อนึ่ง ปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากทั้งหกประเทศเพิ่มขึ้นจากจำนวน 16,539 ตันในช่วงเดือนเมษายน 2010 – มิถุนายน 2011 เป็นจำนวน 113,261 ตันในช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2013 - มิถุนายน 2014
Source: The Economic Times, 3 March, 2016
7. การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียคาดจะลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี
Gems & Jewellery exports likely to be lowest in six years
นิวเดลี :
สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อการส่งออกของอินเดียมีแนวโน้มจะลดลงต่ำที่สุดในรอบหกปีเนื่องจากปริมาณความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง จากข้อมูลที่รวบรวมโดย Gems and Jewellery Export Promotion Council (GJEPC) พบว่ามีการส่งออกลดลงร้อยละ 14.49 ในช่วงเดือนเมษายน 2015 - มกราคม 2016 เหลือเพียงจำนวน 25.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
เมื่อเทียบเป็นจำนวนทั้งปี พบว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียน่าจะอยู่ประมาณ 31.14 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015-16 ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงห้าปีก่อนหน้า โดยในปี 2014-15 มีมูลค่าการส่งออกรวม 36.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการส่งออกที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณีและเครื่องประดับและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องซึ่งมีปริมาณรวมเทียบได้เท่ากับร้อยละ 13 ของมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมดของอินเดีย และเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 1 ล้านคน
ทั้งนี้ประธานของ GJEPC, Praveen Shankar ยังเห็นว่าแนวโน้มการส่งออกที่ลดลงจะยังคงต่อเนื่องไปยังไปตลอดช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2015-16 สำหรับในเดือนมกราคม 2016 ถือเป็นหนึ่งในเดือนที่มีมูลค่าการส่งออกที่ลดลงเป็นอย่างมากถึงร้อยละ 20
อนึ่งการส่งออกสินค้าเครื่องประดับที่ทำจากทองคำก็ลดลงร้อยละ 42 หรือเทียบเท่า 3,225.48 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือนเมษายน 2015 - มกราคม 2016 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จากปริมาณการส่งออกสินค้าเพชรเจียระไนที่ลดลงได้ส่งผลต่อเนื่องไปยังการนำเข้าเพชรที่ยังไม่เจียระไน (Rough diamond) ที่ลดลงด้วย ซึ่งลดลงร้อยละ 22 หรือเทียบเท่า 11.11 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือนเมษายน 2015 - มกราคม 2016 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียหวังให้มีการพลิกฟื้นในระดับความต้องการในตลาดโลกรวมทั้งปริมาณการลดลงของสินค้าคงคลังก็จะส่งผลทำให้มีความต้องการนำเข้า-ส่งออกสินค้าดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
Source: Business Standard, 3 March, 2016
สคร.นิวเดลี
มกราคม 2559
Disclaimer: การเผยแพร่ข้อมูลใน “สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนาข้อมูลนี้ไปใช้