สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์ 7-13 พฤษภาคม 2559 (อินเดีย)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์
7-13 พฤษภาคม 2559 (อินเดีย)
1. โครงการแปลงทองคำเป็นสินทรัพย์ของรัฐบาลดึงดูดการฝากทองคำจากแปดวัดฮินดู
Gold monetization scheme attracts deposits from eight temples
นิวเดลี : จากรายงานของทางการอินเดียที่รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรของอินเดีย (Lok Sabha) พบว่าวัดใหญ่ในศาสนาฮินดูจำนวนแปดวัดนำทองคำเข้าร่วมโครงการ Gold Monetisation ของทางการอินเดียส่วนใหญ่มาจากวัดในรัฐทมิฬนาฑู จำนวน 4 วัด , อีก 2 วัดจากรัฐมหาราษฎระ อีก 2 วัดจากรัฐอันตรประเทศและรัฐจัมมูแคชเมียร์ตามลำดับ
ทั้งนี้ทางการอินเดียตั้งเป้าให้มีการนำทองคำจากประชาชนและวัดต่างๆ มาฝากทองคำกับอินเดียจำนวน 20,000 ตันทองคำ โดยในขณะนี้มีทองคำที่มีประชาชนและองค์กรต่างๆ มาฝากร่วมในโครงการแล้วจำนวนเท่ากับ 2,820 กิโลกรัมทองคำ
อนึ่ง อินเดียมีปริมาณนำเข้าทองคำจากต่างประเทศปีละประมาณ 1,000 ตันทองคำซึ่งถือเป็นสินค้าที่นำเข้าอันดับสองรองจากการนำเข้าน้ำมันซึ่งส่งผลต่อบัญชีดุลสะพัดของอินเดียที่ขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นรัฐบาลอินเดียจึงได้เปิดตัวโครงการ Gold Monetisation เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเพื่อดึงดูดให้มีการนำทองคำที่ประชาชนและวัดต่างๆ เก็บไว้นำมาใช้ประโยชน์ในเชิงทางเศรษฐกิจและลดการนำเข้าทองคำในภาพรวมของประเทศ
Source: The Economic Times, 7 May, 2016
2. ระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 363 พันล้านเหรียญฯ
India’s foreign exchange reserves rise to $363 billion
เจนไน : จากรายงานของ Reserve Bank of India, RBI พบว่าระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของอินเดียเพิ่มขึ้น 1.52 พันล้านเหรียญสหรัฐแตะระดับ 363.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 29 เมษายน 2559 โดยแบ่งเป็นสินทรัพย์ในรูปเงินตราต่างประเทศ 339.02 พันล้านเหรียญ, ทองคำ 20.11 พันล้านเหรียญ, special drawing rights 1.51 พันล้านเหรียญและ reserve position ที่อยู่กับ IMF อีก 2.47 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Source: The Economic Times, 7May, 2016
3. ฮอนด้าหวังเพิ่มยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์อีกร้อยละ 20
Honda eyes 20% jump in two-wheeler sales this fiscal
มุมไบ:ค่ายรถจักรยานยนต์ Honda Motorcycle และ Scooter India วางเป้าหมายเพิ่มยอดจำหน่ายในปีงบประมาณนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 หลังจากเตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ Activa Scooter ในสายการผลิตที่สองของบริษัทที่ตั้งอยู่ในรัฐ คุชราตโดยจะช่วยให้ฮอนด้าสามารถผลิตรถจักรยานยนต์ได้เพิ่มขึ้นอีก 6 แสนคันภายในสิ้นไตรมาสนี้
บริษัทรถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดขายเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 26.51 หรือเทียบเท่าจำนวนการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 431,011 คัน สำหรับขนาดตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2015-16 สมาคม Society of Indian Automobile Manufactures, SIAM ของอินเดียเผยว่ามีตัวเลขการจำหน่ายรวม 10,700,466 คัน โดยฮอนด้าจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4,483,459 คัน จากยอดจำหน่ายในปีก่อนหน้าจำนวน 4,452,005 คันทั้งนี้ ฮอนด้าเห็นว่าในปี 2016-17
จะเป็นปีที่มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ภายในประเทศอินเดียของบริษัทประมาณ 5 ล้านคัน เนื่องจากการเพิ่มสายการผลิตจากโรงงานในรัฐคุชราต
อนึ่ง ประธานและเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Honda India ได้เปิดเผยว่าภายในสิ้นปี 2016 อินเดียจะเป็นประเทศที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับฮอนด้า โดยในปีที่แล้วอินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้า (ยอดจำหน่าย 4.65 ล้านคันในปีที่แล้ว) ในขณะที่สมาคม SIAM เห็นว่าตลาดอินเดียจะเติบโตขึ้นจนมียอดจำหน่ายรวม 20 ล้านคันในปี 2020 ขยับจาก 16 ล้านคันในปี 2015-16 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอินเดียยังคงมีความกังวลถึงปัญหาการสร้างมลภาวะและมลพิษจากรถจักรยานยนต์ที่กำลังเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
Source: The Economic Times, 8 May, 2016
4. ในเดือนเมษายน ปริมาณการใช้เหล็กในประเทศลดต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี \
Steel consumption falls to 1-year low of 5.75 MT in April
นิวเดลี: Steel Ministry’s Joint Plant Committee (JPC) ได้เผยถึงปริมาณการใช้เหล็กของอินเดียในรอบเดือนเมษายน 2016 ลดต่ำลงเหลือ 5.75 เมตริกตันซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี ทั้งนี้สาเหตุหลักสองประการเนื่องมาจากการลดลงของอุปทานผลิตเหล็กในประเทศและการลดลงของการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากต่างประเทศ ทั้งนี้ยอดการใช้เหล็กในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง (เดือนมกราคมเท่ากับ 6.98 เมตริกตัน / เดือนกุมภาพันธ์เท่ากับ 6.84 เมตริกตัน / เดือนมีนาคมเท่ากับ 7.31 เมตริกตัน / เดือนเมษายนเท่ากับ 5.75 เมตริกตัน)
อย่างไรก็ตามในภาพรวมการใช้เหล็กในปีที่แล้ว (FY2015-16) อินเดียมีการใช้เหล็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าหรือเทียบเท่า 80.27 เมตริกตัน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นเนื่องจากการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ (เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.2) ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าการลดลงของปริมาณการใช้เหล็กในประเทศจะส่งผลต่อเนื่องต่ออุตสาหกรรมการผลิตเหล็กในประเทศ จนเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมผลิตเหล็กฯ ในภาพรวมหากสถานการณ์ยังคงดำเนินเช่นนี้ต่อไปในช่วงอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
Source: The Economic Times, 8 May, 2016
5. รัฐบาลอินเดียอาจอนุญาตให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจอาหารสามารถนำเข้าส่วนผสมจากต่างประเทศได้
FDI in food: Government may permit foreign companies to import ingredients
นิวเดลี: รัฐบาลอินเดียเล็กอนุญาตให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในอินเดียสามารถนำเข้าส่วนประกอบหลักเพื่อผลิตอาหาร เช่น แป้งและสารกันเสียต่างๆ โดยจะอนุญาตให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 100% ในสาขาอาหารแปรรูปเท่านั้น ทั้งนี้ อาจจะขยายการอนุญาตให้กับผู้ประกอบการต่างชาติในอุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าออนไลน์เพิ่มเติมอีกด้วย
ในเรื่องนี้ Department of Industrial Policy and Promotion (DIPP) ได้เสนอให้มีการอนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในสาขาอุตสาหกรรมอาหารในอินเดียได้ 100% ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าวได้มีการอนุญาตให้นำเข้าส่วนประกอบจากต่างประเทศเพื่อผลิตในอินเดียด้วย ทั้งนี้ Food Processing Ministry ของอินเดียเห็นแย้งว่าควรกำหนดให้บริษัทต่างชาติต้องลงทุนเพื่อใช้ส่วนผสม/วัตถุดิบของอินเดียไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในพื้นที่ชนบทของอินเดียเพื่อช่วยสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเช่น ห้องเย็น เป็นต้น
อนึ่ง ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน - ธันวาคม 2558 มีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้ามายังอินเดียแล้ว 29.44 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือเติบโตขึ้นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
Source: The Economic Times, 8 May, 2016
6. อินเดียอาจใช้เงินเพิ่ม 1.6 ล้านล้านรูปีจากงบเดิมเพื่อทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่
238 infra projects to cost Rs. 1.6 lakh crore more on delays
นิวเดลี: จากข้อมูลของ Statistics Ministry
พบว่าการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งได้แก่สิ่งก่อสร้างด้านพลังงาน / ทางรถไฟ /และถนนต่างๆ ที่อาจต้องเพิ่มวงเงินงบประมาณอีก 1.6 ล้านล้านรูปี เพื่อชดเชยความล่าช้าในการดำเนินงานและงบบานปลาย สาเหตุหลักเนื่องมาจากการใช้เวลานานสำหรับการเวณคืนที่ดิน การขออนุญาตด้านป่าไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ Statistics Ministry ซึ่งมีหน้าที่ติดตามการดำเนินงานของโครงการต่างๆ ของภาครัฐ โดยจากการตรวจสอบโครงการจำนวน 1,071 โครงการที่เป็นการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดของโครงการใหญ่กว่า 1,500 ล้านรูปีขึ้นไป เช่น โครงการด้านพลังงาน สร้างทางรถไฟ และสร้างถนนต่างๆ วงเงินรวมทั้งสิ้น 12,662,483.6ล้านรูปี พบว่ามีจำนวน 238 โครงการที่มีปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ และจำนวน 341 โครงการที่พบว่าอาจจะมีปัญหาเสร็จไม่ทันกำหนดทั้งนี้ จากการประเมินวงเงินใหม่อาจจะต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีก 1,607,375.7 ล้านรูปี (ร้อยละ 12.69 ของวงเงินเดิม) เพื่อให้โครงการทั้งหมดเสร็จสิ้น
Source: The Economic Times, 8May, 2016
7. อินเดียคาดผลิตน้ำตาลได้ลดลงร้อยละ 11 เหลือ 25.2 ล้านตันในปี 2015-16
Sugar output seen to fall 11% to 252 lakh tonnes in 2015-16
นิวเดลี: Food Minister, Mr.Ram Vilas Paswan ได้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรฯ สำหรับการผลิตน้ำตาลในอินเดียในปีการตลาดนี้ Markeing Year 2015-16 (ตุลาคม 2558 - กันยายน 2559) คาดว่าจะมีปริมาณลดลงร้อยละ 11 เหลือ 25.2 ล้านตัน (เทียบกับปริมาณผลิต 28.463 ล้านตันในปีก่อนหน้า) สาเหตุหลักเนื่องจากการขาดแคลนอ้อยเพื่อป้อนโรงงานผลิตน้ำตาลในพื้นที่รัฐมหาราษฎระ รัฐคาร์นาทาคะ และอุตตระประเทศ อย่างไรก็ตามไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ขาดแคลนน้ำตาลขึ้นในประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียได้เข้าควบคุมราคาน้ำตาลที่มีความเสี่ยงจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากอุปทานที่ลดลงและจะส่งผลต่อราคาน้ำตาลในอินเดียทั่วประเทศ โดยปกติแล้วคนอินเดียจะใช้น้ำตาลในการทำอาหารและใช้ในชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก ดังนั้นน้ำตาลจึงเป็นสินค้าพื้นฐานจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของคนอินเดียในปัจจุบัน
Source: The Economic Times, 10 May, 2016
8. ในช่วง 2005-2015 คนอินเดียมีความมั่งคั่งเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4 เท่า
Indians’ average wealth soars 400% in 2005-15 : Report
นิวเดลี : จากรายงานของ New World Wealth ซึ่งเปิดเผยในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่าความมั่งคั่งเฉลี่ยของคนอินเดียปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 400 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2005-2015) ในขณะที่ความมั่งคั่งเฉลี่ยของคนยุโรปลดลงร้อยละ 5 ในช่วงเวลาเดียวกัน จากรายงานดังกล่าวประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย จีน และเวียดนามมีการขยายตัวของความมั่งคั่งเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 400 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
Source: The Economic Times, 10 May, 2016
9. FSSAI เดินเครื่องประเดิมตรวจสอบคุณภาพอาหารนำเข้า
FSSAI taking steps to check quality of imported food
นิวเดลี: หน่วยงาน The Food Safety and Standards Authority of India (FSSAI)
ได้เริ่มดำเนินการในขั้นตอนการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพอาหารนำเข้ามากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาระบบ risk-based import prioritization แล้ว ทั้งนี้ Minister of State for Health Shripad Yesso Naik ได้กล่าวแถลงในวุฒิสภา (Rajya Sabha) ของอินเดียโดยได้เริ่มกระบวนการตรวจสอบเอกสารขออนุญาตก่อนนำเข้าอาหารในระบบออนไลน์ (Pre-Arrival Document Scrutiny, PADS) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นดำเนินการ ณ ท่าเรือเมืองเจนไน กัลกัตตา และ ตูติคอริน ก่อน นอกจากนี้ ในขั้นตอนอื่นจะเริ่มต้นการตรวจสอบคุณภาพของอาหารนำเข้าและการพัฒนาการบูรณาการฟอร์มการสำแดงข้อมูลของกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับ FSSAI รวมทั้งการปรับปรุงข้อบังคับสำหรับแต่ละรูปแบบกลุ่มสินค้าอาหารที่แตกต่างกันอีกด้วย
Source: The Business Line, 10May, 2016
10. คาดความเสียหายทางเศรษฐกิจจากภัยแล้งอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านรูปี
Impact of drought on economy pegged at Rs. 650,000 crore
นิวเดลี : จากผลการศึกษาของ Assocham พบว่าความเสียหายในเชิงเศรษฐกิจเนื่องจากภัยแล้งของ 10 รัฐในอินเดียมีมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 6.5 ล้านล้านรูปี ส่งผลกระทบต่อคนอินเดีย 330 ล้านคนในพื้นที่ 256 เขต ทั้งนี้ภัยแล้งดังกล่าวเป็นผลต่อเนืองจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำที่เก็บไว้ และน้ำใต้ดินมีปริมาณลดลงจนส่งผลกระทบในรัฐต่างๆ จำนวน 10 รัฐ ยกตัวอย่างเช่น รัฐมหาราษฎระ และรัฐคาร์นาทะกะ เป็นต้น
ผลกระทบจากภัยแล้งจะยังส่งผลต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนเนื่องจากสภาพพื้นที่ดินที่แห้งแล้งต้องอาศัยระยะเวลาฟื้นตัวจากปริมาณน้ำฝนที่จะตกในช่วงมรสุม
นอกจากนี้ จากรายงานได้คาดการณ์จำนวนเงินค่าใช้จ่ายต่อหัวของรัฐเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากภาวะภัยแล้งประมาณคนละ 3,000 รูปีซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดหาน้ำดื่ม อาหาร และการดูแลสุขภาพในช่วงหนึ่งหรือสองเดือน ซึ่งมีผลกระทบต่อประชากรอินเดียราว 330 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้เป็นค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจในภาพรวมประมาณ 1 ล้านล้านรูปีต่อเดือน
Source: The Economic Times, 11May, 2016
สคร.นิวเดลี
มกราคม 2559
Disclaimer: การเผยแพร่ข้อมูลใน “สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนาข้อมูลนี้ไปใช้