สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์ 2-8กรกฎาคม2559 (อินเดีย)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์
2-8กรกฎาคม2559 (อินเดีย)
1. อินเดียทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่
Five-year inflation target under review
อินเดียพร้อมทบทวนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเดิมที่ระดับร้อยละ2-6 (ค่ากลาง ร้อยละ 4 บวกลบ 2) เพื่อใช้เป็นเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ให้กับธนาคารกลางอินเดีย (RBI) สำหรับอีก 5 ปีข้างหน้า ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการUrjit Patelได้เคยตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อ (retail inflation target) ร้อยละ 4 และปรับเพิ่มลดได้ไม่เกินร้อยละ 2 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกใช้ในกรอบนโยบายการเงิน (Monetary Policy Framework) ซึ่งได้ลงนามในวันที่20 กุมภาพันธ์ 2015 และถูกนำมาใช้เป็นเป้าหมายของ RBI มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังและธนาคารกลางอินเดียได้เริ่มต้นหารือร่วมกันเพื่อทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ในระยะ 5 ปีถัดจากนี้ โดยกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ 5 ปีจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานของธนาคารกลางอินเดียและนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มีการหารือเรื่องดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม เป็นต้นไป
Source: Business Standard, 04 July, 2016
2. นโยบายนำเข้าเหล็กฉบับใหม่เพื่อตอบโต้การครอบงำตลาดนำเข้าเหล็กจากจีน
New steel policy to counter Chinese dominance
รัฐบาลอินเดียกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณากรอบนโยบายนำเข้าเหล็กฉบับใหม่มุ่งหวังตอบโต้การครอบงำของจีนนโยบายใหม่นี้จะช่วยขยายการผลิตในประเทศและเพิ่มการใช้เหล็กในประเทศให้มากขึ้นในเรื่องดังกล่าว Chairman of the Standing Committee on Government Assurances, Ramesh PokhriyalNishankกล่าวว่า จะทำให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศมีโอกาสในการแข่งขันกับบริษัทเหล็กนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นโดยเมื่อเร็วๆนี้ ในการประชุมของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้มีการหารือในประเด็นปัญหาด้านเหล็ก, ประกันภัย, ปุ๋ยฯลฯทั้งนี้ สำหรับประเทศที่มีขนาดใหญ่เช่นอินเดียมีความจำเป็นที่จะพึ่งตนเองในภาคเหล็กดังนั้นหากบริษัทเหล็กของจีนสามารถผลิตเหล็กที่มีต้นทุนต่ำได้ผู้ผลิตในประเทศของอินเดียก็ควรจะสามารถทำเช่นเดียวกันได้
หมายเหตุ: อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตเหล็กของโลกและคาดว่าจะมีกำลังการผลิตได้ 300 ล้านตันต่อปีการผลิตภายในปี2025 นี้
Source: Business Standard, 04July, 2016
3. การส่งออกน้ำตาล re-export ของอินเดียหยุดชะงักภายใต้การปรับเพิ่มภาษีส่งออกน้ำตาลฉบับใหม่
Order slip halts sugar re-export
อินเดียประสบปัญหาน้ำตาลที่นำเข้าจากต่างประเทศเพื่อนำมาสกัดเพิ่มมูลค่าจำนวน700 ล้านรูปี กำลังติดอยู่ที่ท่าเรือต่างๆ เนื่องจากคำสั่งใหม่ของรัฐบาลอินเดีย ทั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียได้เพิ่มภาษีส่งออกร้อยละ 20 สำหรับสินค้าน้ำตาลที่ผลิตในประเทศโดยมุ่งหวังที่จะให้ลดการส่งออกและให้มีปริมาณน้ำตาลเพื่อบริโภคในประเทศอย่างพอเพียงและบรรเทาการปรับเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำตาลในประเทศ อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำตาลที่ไม่บริสุทธิ์ที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออกใหม่ (re-export) แต่ต้องได้รับผลพวงให้ต้องถูกเสียภาษีส่งออกอีกร้อยละ 20 ส่งผลให้สินค้าน้ำตาล re-export ต้องติดค้างที่ท่าเรือหลัก เช่น ท่าเรือ Kandla และMundraมานานกว่าสัปดาห์เพื่อรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่นำเข้ามาสกัดในอินเดียจะถูกส่งต่อไปยังตลาดเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเป็นหลัก
อนึ่ง อินเดียมี 4 โรงกลั่นน้ำตาลซึ่งมี3บริษัทเป็นเจ้าของ ได้แก่ บริษัท RenukaSugar เป็นเจ้าของ 2 โรงกลั่นที่Kandla กับ Haldia บริษัท EIDParry มีโรงกลั่นที่Kakinada และ บริษัท SimbhaoliSugars มีโรงกลั่นในKutch ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวคาดหวังที่จะให้เกิดความชัดเจนในกฎระเบียบและยุติปัญหาดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ ที่ผ่านมา โรงกลั่นเหล่านี้นำเข้าน้ำตาลทรายดิบที่จะแปลงเป็นน้ำตาลทรายขาวบริษัทโดยเป็นการเข้าภายใต้การอนุมัติแบบ Advance Authorisation Scheme โดยรัฐบาลอินเดีย และน้ำตาลในโครงการนี้จะไม่สามารถจำหน่ายในตลาดภายในประเทศได้ และต้องส่งออกไปภายใน6 เดือนหลังจากการนำเข้าและโรงกลั่นจะได้กำไรจากส่วนเพิ่มที่เกิดจากราคาส่งออกหักด้วยต้นทุนการนำเข้า
อนึ่ง น้ำตาลถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนไหวและมีค่าถ่วงน้ำหนักถึงร้อยละ 1.73 ในการคำนวณ wholesale price index ซึ่งใช้ในการวัดอัตราเงินเฟ้อโดยรวมปริมาณการผลิตน้ำตาลของอินเดียในฤดูกาลปี 2015-16 (จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2016) คาดว่าจะลดลงเกือบร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าหรือเทียบเท่าการผลิตจำนวน 25.2 ล้านตัน และราคาน้ำตาลในปีที่แล้วปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45 ทำให้โรงงานต่างได้กำไรจากการขายน้ำตาล และในฤดูกาลผลิตต่อไปคาดการณ์ว่าผลผลิตจะลดลงอีกร้อยละ 10 เนื่องจากเกิดวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่รัฐที่ผลิตอ้อยที่ใหญ่ที่สุด คือ รัฐMaharashtra
Source: Business Standard, 04 July, 2016
4. ความถดถอยของE-commerceหลังจากการงดให้ส่วนลดออนไลน์ ผู้ซื้อหวนกลับไปซื้อหน้าร้านปกติช่วงสินค้าลดราคา
Setback for e-commerce: Online discounts fall; footfalls in malls soar
การจับจ่ายซื้อของผ่าน e-commerce ของอินเดียช่วงเทศกาล Sale ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมไม่ค่อยจะคึกคักมากนัก ในขณะที่ยอดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า เช่น Orian mall ใน Bengaluru ซึ่งมี Brigade Group เป็นเจ้าของพบว่ามียอดขายสูงขึ้นกว่าร้อยละ 15 เมื่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ Inorbit Mall ในมุมไบซึ่งมี K-RahejaCorporation เป็นเจ้าของก็เห็นจำนวนผู้มาจับจ่ายซื้อของในห้างที่ดีขึ้นราวร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าส่วนห้างสรรพสินค้า Infiniti mallsในมุมไบก็อ้างว่ามียอดคนเดินห้างเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ในช่วงก่อนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะมีการลดราคาสินค้าในห้างต่างๆ ในช่วงระยะเวลานี้เท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นสิ่งให้ความสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นมีความสำคัญในแง่ทางเลือกเพื่อได้ส่วนลดอย่างลดลงเรื่อยๆทั้งนี้ ผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ไปตามนโยบายของทางการที่เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดอนึ่ง ในช่วงต้นปีนี้ มีรายงานที่ตีพิมพ์โดยBoston Consulting Group (BCG) เผยว่ากว่าร้อยละ 59ของผู้บริโภคสินค้าออนไลน์ มีแนวโน้มให้ความสนใจกับปัจจัยอื่นๆนอกเหนือจากส่วนลดที่จะได้รับ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่อนุญาตให้บริษัทE-commerce ต่างๆ เสนอส่วนลดทั้งทางตรงหรือทางอ้อมที่มีผลต่อราคาขายสินค้าเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการขายสินค้าตามปกติมากนัก ดังนั้นในปัจจุบันการให้ส่วนลดของเว็บไซตE-Commerce ได้ลดลงเรื่อยๆ ประมาณร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 30 อย่างไรก็ตามราคาสินค้าลดราคาออนไลน์และราคาขายตามหน้าร้านปกติเริ่มจะใกล้เคียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ
Source: Financial Express, 07July, 2016
สคร.นิวเดลี
มกราคม 2559
Disclaimer: การเผยแพร่ข้อมูลใน “สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนาข้อมูลนี้ไปใช้