เรื่องของไข่ในอินเดีย
เรียน ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน
สภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลกระทบต่อราคาต้นทุน ค่าวัสดุบรรจุ ค่าแรง ค่าขนส่ง และค่าขององค์ประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตไข่ไก่ตรา KEGGS เราไม่สามารถลดคุณภาพของ KEGGS หรือใช้วิธีอื่นๆ ที่จะทำให้ลูกค้าเรามีประสบการณ์ไม่ดีและไม่พอใจกับสินค้าของเรา เนื่องจากเราจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เราจึงจำเป็นต้องขึ้นราคา KEGGS เพียงเล็กน้อย เป็น 60 รูปี (เดิม 50 รูปี) ต่อ 1 กล่องที่บรรจุไข่ไก่ 6 ฟอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 เราหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทเราและจะให้ความไว้วางใจเราเช่นเคย – ด้วยความเคารพ บริษัท KEGGS FARMS จำกัด
ใบแจ้งขึ้นราคา (และข่าวร้าย) ที่แสนจะสุภาพนี้ ถูกบรรจุมาพร้อมกับไข่ไก่ตรา KEGGS ทุกกล่อง ในกรุงนิวเดลี ไข่ไก่ชีวภาพคุณภาพสูง (premium) เกรดเอ ฟองละ 10 รูปี คิดเป็นเงินบาทก็ประมาณ 7 บาท ต่อฟอง
พอมาคิดเป็นเงินไทย ผู้เขียนก็ต้องสะอึก หากราคาไข่ไก่เมืองไทยแพงขนาดนี้ เสถียรภาพของรัฐบาลอาจสั่นคลอนได้ แต่สภาวะข้าวยากหมากแพงเป็นสภาพที่คนอินเดียก้มหน้ายอมรับ อดทนอยู่กันต่อไป
ราคาไข่ไก่ในกรุงอินเดียถีบตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในฤดูหนาว เนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บทำให้คนหันมาบริโภคไข่มากขึ้น กอปรกับหมอกและควันไฟที่มาจากการเผาเชื้อเพลิงสร้างความอบอุ่นให้ครอบครัวยากจนหลายล้านครัวเรือนในอินเดียตอนเหนือ หมอกควันที่แน่นทึบสร้างความลำบากให้รถและผู้สัญจรบนไฮเวย์ของอินเดียต้องเสี่ยงกับอุบัติเหตุ การขนส่งทางถนนต้องช้าลง ทั้งนี้ นาย Shabir Ahmed เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ปีกอินเดียให้สัมภาษณ์ว่า หากสภาพอากาศดีขึ้น ไร้หมอก ราคาไข่ไก่ก็จะลดลงด้วย
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาขายส่งไข่ไก่ในกรุงนิวเดลีพุ่งสูงขึ้นจาก 2.85 รูปีต่อใบ เป็น 3.50 รูปี ภายในเวลา 3 สัปดาห์ ทำให้ราคาขายปลีกสูงถึง 4.60 รูปีต่อใบ (เกรดธรรมดา) อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังหวังได้ว่าราคาจะลดลงในฤดูร้อนเมื่ออุปทานลดลงด้วย
สภาวะเงินเฟ้อในอินเดียเป็นปัญหาที่กัดกร่อนและถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ในไตรมาสที่สามของปี 2554 อัตราการโตจีดีพีของอินเดียตกลงต่ำกว่า 7% ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดียได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 12 ครั้งในช่วงมีนาคม 2553-ตุลาคม 2554 โดยมีเป้าหมายต่อสู้กับเงินเฟ้อโดยเฉพาะ แต่ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจฝืดตัวลงด้วย ตลาดหลักทรัพย์อินเดียเป็นตลาดที่มีผลประกอบการที่แย่ที่สุดในเอเชีย มูลค่าหลักทรัพย์ของอินเดียก็ตกลงตามไปด้วย ทำให้นักลงทุนต่างชาติพยายามถอนทุนออก ค่าเงินรูปีก็อ่อนตัวลงอย่างเป็นประวัติการณ์ปิดท้ายปี 2554 (กว่า 53 รูปี/ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) สร้างความกังวลให้ธนาคารกลางอินเดียว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งตัวสูงขึ้นซ้ำเติม เนื่องจากอินเดียนำเข้าน้ำมันมาใช้เป็นพลังงานส่วนใหญ่ จึงต้องเข้ามาแทรกแซงตลาดเงินตราระหว่างระหว่างประเทศเพื่อรักษาค่าของเงินรูปีให้อยู่ในระดับที่ไม่ตกต่ำเกินไป
ข่าวดีที่อัตราเงินเฟ้ออินเดียได้ตกลงจาก 7.47% เมื่อเดือนธันวาคม 2554 เป็น 6.55% ในเดือนมกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม สภาวะการเงินและเศรษฐกิจที่ค่อนข้างฟืดเคืองยังคงดำรงต่อไป และในเมื่ออินเดียกำลังมีการเลือกตั้งในรัฐอุตตรประเทศในเดือนนี้ ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งที่บริโภคไข่ไก่มากที่สุดในอินเดีย แถมเป็นรัฐที่มีที่นั่งในสภาล่างอินเดียมากที่สุด ก็ต้องจับตาดูว่า ราคาไข่ไก่ที่สุดแสนจะแพงจะเป็นเครื่องบ่งชี้เสถียรภาพของรัฐบาลพรรคคองเกรสได้หรือไม่
แจ่มใส เมนะเศวต
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ หน้า 10 ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,717 วันที่ 26-29 ก.พ. 55