โดย พิศาล มาณวพัฒน์
เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี
พอตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 2554 ในอินเดียหล่นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับจีนที่ร้อยละ 8.9 ฝรั่งก็เริ่มแสดงความห่วงว่าเศรษฐกิจอินเดียกำลังอ่อนแรงลงไม่หยุด
ฝรั่งจำพวกนี้ตกใจง่าย แสดงออกเร็ว ที่จริงเขาห่วงผลตอบแทนการลงทุนปีต่อปีที่ทำท่าจะไม่สูงอย่างที่หวัง เหมือนจะบอกผู้ถือหุ้นไว้ล่วงหน้าว่า ไม่ได้เป็นความผิดของเขา อีกทั้งยังจะได้กดดันรัฐบาลอินเดียไปในตัวว่า ขอให้เร่งปรับปรุงตัวด่วน ไม่งั้นจะถอนทุน หรือไม่ลงทุนเพิ่ม
รัฐบาลอินเดียปกติก็ไม่เคยเกรงกลัวฝรั่งชาติใด เช่นที่มาเรียกร้องให้ร่วมคว่ำบาตรอิหร่าน ก็แถลงว่าไม่เอาด้วย ยกเว้นจะเป็นมติสหประชาชาติ เพราะอิหร่านเป็นแหล่งพลังงานและตลาดสำคัญ
แต่ในกรณีเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้นำอินเดียรู้ดีว่า การเดินหน้าปฏิรูประบบเศรษฐกิจจะทำให้อินเดียสามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตคนส่วนใหญ่ได้ นายกมานโมฮัน ซิงห์ ผู้นี้แหละ ในสมัยเป็นรัฐมนตรีคลังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นผู้ปรับเปลี่ยนปฏิรูป จนทำให้เศรษฐกิจอินเดียขยับขั้นเป็นที่ 3 ของเอเชีย และทำท่าจะเป็นรองแชมป์โลกต่อจากจีนใน 20-30 ปีข้างหน้า
อ่านต่อ ที่นี่
(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ อินไซด์อินเดีย วันพุธที่ 14 มีนาคม 2555)