ฐานเศรษฐกิจ: มองอินเดียใหม่ (ตอนที่ 28)
รู้จักบีโอไออินเดีย
โดย ดร. แจ่มใส เมนะเศวต และ คณิน บุญญะโสภัต
สืบเนื่องมาจากการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และภาคเอกชนไทยที่กรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 หน่วยราชการไทย ทั้งในอินเดียและไทย ก็ได้ทำงานอย่างเข้มแข็ง ติดตามผลของการหารืออย่างใกล้ชิด เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของเอกชนไทยที่มีวิริยะอุตสาหะข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงทุนเปิดกิจการในอินเดีย ชื่อเสียงของบริษัทไทยเหล่านี้ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของแบรนด์ไทยแลนด์เป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด ทูตไทยประจำอินเดีย นายพิศาล มาณวพัฒน์ ได้เดินสายเคาะประตูเข้าพบหน่วยงานที่เป็นด่านหน้าต้อนรับนักลงทุนต่างชาติสู่อินเดีย คือ กรมนโยบายและส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Policy & Promotion – DIPP) ภายใต้กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย ทั้งนี้ DIPP ทำหน้าที่คล้ายกับบีโอไอบ้านเรา
ทูตพิศาล ได้พบหารือกับนาย Talleen Kumar อธิบดี DIPP และได้ทาบทามให้อธิบดี Talleen มาเป็นวิทยากรพิเศษให้กับภาคเอกชนไทย เพื่อตอบปัญหาข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจในอินเดีย
DIPP มีความสำคัญอย่างไร DIPP ได้ริเริ่มโครงการเปิดศูนย์ถาม-ตอบ ทุกปัญหาเรื่องการลงทุน โดยได้ร่วมกับสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (Federation of Indian Chambers of Commerce and Industry – FICCI) และรัฐบาลรัฐต่างๆ จัดตั้งองค์กรรัฐวิสาหกิจ investindia จัดทำเว็บไซต์ investindia.gov.in เพื่อให้ข้อมูลช่วยเหลือและส่งเสริมเอกชนต่างชาติในการลงทุนในอินเดีย
อีกไม่ช้าไม่นาน investindia.gov.in จะเปิดให้บริการ query system ให้เอกชนต่างชาติสามารถส่งคำถามและแจ้งปัญหาผ่านเว็บไซต์ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกลาง และรัฐบาลของรัฐต่างๆ เบื้องต้นวางแผนที่จะตอบคำถามแก่ผู้สนใจภายใน 48 ชั่วโมง แต่จะพัฒนาให้เร็วขึ้นเป็นภายใน 24 ชั่วโมง
Investindia ยังเสนอข้อมูลโอกาสในการลงทุนแยกตามสาขาและตามรัฐต่างๆ ในอินเดีย และจะพัฒนาให้มีการเสนอข้อมูลแก่นักธุรกิจต่างชาติเป็นรายประเทศ
อีกหนึ่งโครงการของ DIPP ที่นักลงทุนไทยควรทราบคือการปฏิรูปกระบวนการขอใบอนุญาต ทั้งนี้ โครงการ e-Biz จะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติใช้ขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ (No Objection Certificate (NOC), Licenses) จากหลายหน่วยงานของอินเดียได้ใน portal เดียว
นักธุรกิจเพียงกรอกข้อมูลลงบนเว็บไซต์ในที่ทำงานของตน จากนั้น DIPP จะส่งข้อมูลคำขอใบอนุญาตแต่ละประเภทไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นผู้ยื่นใบอนุญาตสามารถใช้หมายเลขคำร้องติดตามผลการพิจารณาได้จากเว็บไซต์ และเมื่ออนุมัติแล้วสามารถพิมพ์ใบอนุญาตจากคอมพิวเตอร์ไปใช้ได้
โครงการดังกล่าวจะปฏิรูปการทำงานของราชการอินเดีย ช่วยเร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ของอินเดียให้พิจารณาคำร้องของนักลงทุนเร็วขึ้น เนื่องจากผู้บริหารระดับสูง เช่น ปลัด หรือรัฐมนตรีพาณิชย์ สามารถตรวจสอบได้ว่า คำร้องไปล่าช้าอยู่ที่เจ้าหน้าที่คนใด ในหน่วยงานใดเก็บดองไว้เพื่อหวังอามิสสินจ้าง
ปัจจุบันโครงการ e-Biz อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการจ่ายเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งอธิบดี Talleen ต้องการพัฒนาให้เป็นจ่ายเพียงแค่ครั้งเดียว และ e-Biz จะแยกจ่ายต่อไปยังหน่วยงานที่อนุญาตต่อไป โดยรัฐอานธรประเทศจะนำร่องโครงการ และมีรัฐที่จะเข้าร่วมอีก 4 รัฐ ได้แก่ นิวเดลี หรยาณา ทมิฬนาฑู และมหาราษฎระ สำหรับรัฐอื่นๆ นั้น ราชาสถานและเบงกอลตะวันตกได้แสดงความสนใจแล้ว
ข่าวดีสำหรับเอกชนไทยก็คือ ในวันที่ 27 เมษายน 2555 นาย Taleen Kumar จะนำทีม investindia.gov.in และหน่วยราชการอินเดียอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้บรรยายในสัมมนาพิเศษเรื่องการลงทุนในอินเดีย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลีจัดให้ภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะ
ท่านนักธุรกิจในประเทศไทยที่สนใจบินมาเข้าร่วมสัมมนาดังกล่าวที่กรุงนิวเดลี สามารถติดตามรายละเอียดและกำหนดการได้จากเว็บไซต์ www.thaiindia.net
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 10 ปีที่ 32 วันที่ 25-28 มีนาคม 2555