ฐานเศรษฐกิจ: มองอินเดียใหม่ (ตอนที่ 46)
ตลาดเครื่องประดับสำหรับคนอินเดียรุ่นใหม่: แนวโน้มใหม่ที่ไม่ธรรมดา
ใครว่าอินเดียยากจน? ...ถูกต้องแล้วครับ ก็ประชากรตั้ง 1,200 กว่าล้านคน คนยากจนก็ย่อมมีมากเป็นธรรมดา แต่คนร่ำรวยก็มีไม่น้อยแถมร่ำรวยแบบคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ส่วนที่เป็นคนชั้นกลางขึ้นไปก็มีอยู่จำนวนมหาศาลและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
คนอินเดียที่มีฐานะดีมักจะชอบสะสมเครื่องประดับเพชรเครื่องประดับทองกันโดยถือว่าเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง จึงระดมซื้อเครื่องประดับทองคำและเครื่องประดับเพชรมาสะสมกันจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันตลาดเครื่องประดับในอินเดียมีขนาดใหญ่มากด้วยมูลค่าตลาดสูงถึง 1.3 ล้านล้านรูปี (ประมาณ 7.8 แสนล้านบาท) มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละประมาณ 15-20% โดยเป็นเครื่องประดับเพชรประมาณ 7 แสนล้านรูปี (ประมาณ 4.2 แสนล้านบาท) หรือประมาณครึ่งหนึ่งของตลาดเครื่องประดับทั้งหมดในอินเดีย จากที่ก่อนหน้านี้เครื่องประดับเพชรในประเทศอินเดียมีสัดส่วนอยู่เพียง 15% เท่านั้น ทั้งนี้ เพราะคนนิยมซื้อเครื่องประดับทองคำเพื่อเก็บสะสมมากกว่าเครื่องประดับเพชร เนื่องจากเชื่อว่ามูลค่าของทองคำจะไม่ลดลงในระยะยาว ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและมีสภาพคล่องสูง
เดิมคนซื้อสินค้าเครื่องประดับประเภทนี้ในอินเดียมักจะเป็นคนอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ฐานะดี ชอบสินค้าที่ออกแบบสไตล์อินเดี๊ย อินเดีย คือ เป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่อลังการณ์ หลายชิ้น ครบชุด แต่ไม่มี Brand เพื่อใช้ประดับเวลาไปงานสำคัญ แต่วัตถุประสงค์จริงๆคือ เก็บสะสมเพื่อเป็นการลงทุนโดยเน้นเครื่องประดับที่ทำจากทองคำเป็นหลัก แต่ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อสินค้าเครื่องประดับของคนอินเดียรุ่นใหม่เปลี่ยนไปมากแล้วครับ คนอินเดียรุ่นใหม่ซึ่งเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงาน ปัจจุบันเลิกซื้อเครื่องประดับเทียมราคาถูกๆ แต่หันมานิยมซื้อเครื่องประดับมี Brand ที่ทำจากทองคำ เงิน และเพชร ที่มีขนาดเล็ก เบา รูปแบบทันสมัย และราคาย่อมเยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับไม่ใช่เพื่อการลงทุนเหมือนคนอินเดียรุ่นเก่าแล้วครับ เพราะคนรุ่นใหม่ของอินเดียเดี๋ยวนี้โดยเฉพาะสุภาพสตรีมีโอกาสออกไปทำงานนอกบ้าน มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีอิสรภาพในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียเติบโตอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องมาหลายปี และที่สำคัญได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างๆที่เชื่อมโยงโลกทั้งโลกไว้ด้วยกันแล้ว ทำให้พฤติกรรมการบริโภคโดยเฉพาะรสนิยมในการใช้เครื่องประดับของคนอินเดียรุ่นใหม่เปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อพอใจเครื่องประดับชิ้นใหม่ก็พร้อมที่จะขายชิ้นเก่าคืนแม้จะถูกหักราคาไปบ้างก็ไม่สนใจ ทำให้มีความถี่ในการซื้อเพิ่มมากขึ้นกว่าคนรุ่นเก่า
เมื่อแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ของอินเดียเปลี่ยนไป บริษัทจำหน่ายเครื่องประดับก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับลูกค้ารุ่นใหม่เช่นกัน โดยมีการออกแบบและผลิตเครื่องประดับที่มีราคาย่อมเยาพอที่ผู้บริโภครุ่นใหม่จะสามารถซื้อได้ ถือเป็นตลาดเครื่องประดับราคาย่อมเยา (Affordable Jewelry Market) ที่มีอัตราการขยายตัวในปัจจุบันสูงถึง 30% เทียบกับอัตราการขยายตัวที่น้อยกว่า 5% ในช่วง 8-10 ปีก่อนที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้ประกอบการในอินเดียได้ทำในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดก็คือ หันไปเน้นการสร้าง Brand และเน้นการผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับเพชร เพราะสามารถทำกำไรได้สูงถึง 20-22% ซึ่งสูงกว่ากำไรจากเครื่องประดับทองคำถึงสองเท่า ด้วยการนำเพชรไปประดับกับเงินหรือโลหะมีค่าอื่นที่ราคาถูกกว่าทองคำ หรือไม่ก็ลดความบริสุทธิ์ของทองคำลงจากทองคำ 22 K ก็ลดลงเหลือทองคำ 18 K หรือลงไปถึง 14 K เลย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทองคำ 22 K ก็ยังคงเป็นทองคำที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ นอกจากนั้น ยังมีวิธีลดต้นทุนเครื่องประดับเพชรให้ต่ำลงอีกด้วยการเลือกใช้เพชรขนาดเล็กลง นำมาทำเป็นเครื่องประดับซี่งจะสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบเพชรลงได้ถึง 30% ทีเดียว นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เกิด Segment ใหม่ขึ้นในตลาดเครื่องประดับในอินเดีย นั่นก็คือ เครื่องประดับราคาย่อมเยาที่มี Brand ซึ่งได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี 2543 เป็นต้นมา โดยมีบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกรายสำคัญ คือ DTC, Tanishq และ Gitanjali ที่เข้ามาจับตลาดเครื่องประดับแท้ราคาย่อมเยาเป็นรายแรกๆ
ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้าไปมีผลอย่างมากต่อการขยายตัวของตลาดเครื่องประดับราคาย่อมเยาที่มี Brand ในอินเดีย ทำให้เกิดช่องทางการจำหน่าย Online ขึ้น ซึ่งนับวันก็ยิ่งจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ของอินเดียที่เข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น และที่สำคัญระบบการจำหน่าย Online ได้ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายสั้นลงด้วยการกำจัดคนกลางออกไปจากระบบ จึงส่งผลให้ราคาเครื่องประดับที่จำหน่าย Online มีราคาต่ำกว่าที่ซื้อจากร้านค้าปลีกทั่วไปถึง 30-40% ทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ยอดขายเครื่องประดับ Online ของอินเดียมีแต่จะโตวันโตคืนแบบยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ โดยปัจจุบันเฉพาะตลาดเครื่องประดับราคาย่อมเยาที่จำหน่าย Online มีมูลค่า 2,000-2,500 ล้านรูปี (ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท) และมีการขยายตัวเฉลี่ยถึงปีละประมาณ 30% ทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่บริษัทเครื่องประดับของอินเดียขณะนี้ได้หันเข้ามาจับตลาดนี้กันอย่างจริงจังด้วยการเปิดเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้ากันอย่างเอิกเกริก เช่น Bluestone, CaratLane, Diamondere และ Jewelskart ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จำหน่ายสินค้าเครื่องประดับราคาย่อมเยามีสัดส่วนถึงกว่า 80% ของสินค้าที่จำหน่ายทั้งหมด
มีสถิติที่น่าสนใจของอินเดียระบุว่าเศรษฐีอินเดียทุกๆ 25 คน จะมาจากรัฐคุชราต 10 คน ซึ่งเศรษฐีคุชราตส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในแวดวงเพชรและเครื่องประดับเพชรนี่แหละครับ รู้หยั่งงี้แล้วโอกาสที่จะได้เป็นเศรษฐีก็อยู่แค่เอื้อม อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตานะครับ ขอสามคำสั้นๆ...เสียดายแทน
หากท่านสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐคุชราต เชิญเข้าร่วมการสัมมนา Doing Business in India: Forum for Thai Executives วันที่ 14 กันยายน 2555 ที่โรงแรมพลาซาแอธทินี ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thaiindia.net
-------------------------------------
อดุลย์ โชตินิสากรณ์
ผู้อำนวยการอาวุโส
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ
24 สิงหาคม 2555