โอกาสสินค้าไทย ตามติดแบรนด์หรูแห่บุกตลาดอีสานอินเดีย
ภาคอีสานอินเดียกำลังเติบโต ดึงดูดสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับมียี่ห้อระดับบน ให้แห่กันไปปักธงหรือขยายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐอัสสัม ตรีปุระ และมณีปุระ
การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา เพิ่มอำนาจการซื้อสินค้าให้แก่ผู้บริโภคในภาคอีสาน เมื่อเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยในรัฐของอินเดียทั่วประเทศ (Gross State Domestic Product – GSDP) ในช่วงปี 2554-2555 ที่อยู่ที่ 6.88 เปอร์เซ็นต์ รัฐในภาคอีสานอินเดียเติบโตเร็วกว่านั้น เช่น อัสสัม 8.42 เปอร์เซ็นต์ ตรีปุระ 8.87 เปอร์เซ็นต์ และเมฆาลัย 9.54 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขเติบโตสูงอย่างนี้ ถูกย้ำด้วยแบรนด์หรูของอินเดียที่มีแผนขยายสาขาร้านค้าให้เมืองใหญ่ๆ ของรัฐในช่วงปี 2556 นี้
แบรนด์ Louis Philippe ซึ่งมีสินค้าพวกเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับของผู้ชาย ที่เป็นของ Madura Garments ของอินเดีย เข้าไปชิมลางตลาดภาคอีสานของประเทศเมื่อปีครึ่งที่ผ่านมา โดยเริ่มที่เมืองกูวาฮาติ เมืองหลวงของรัฐอัสสัม มีแผนจะขยายจำนวนสาขาร้านในเมืองกูวาฮาติและเมืองที่ไกลออกไป
ส่วนแบรนด์ Tanishq ที่เป็นกิจการอัญมณีของบริษัทนาฬิกา Titan ของเครือทาทา กำลังจะเปิดสาขาเพิ่มภายในปีนี้ จากที่เดิมมีอยู่สองแห่งในเมืองกูวาฮาติและเมือง Agartala ของรัฐตรีปุระ ผู้บริหารของบริษัทให้ความเห็นว่า ความต้องการเพชรในภาคอีสานอินเดียกำลังเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าของบริษัท Titan เพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านรูปีในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเพียง 120-130 ล้านรูปีเมื่อห้าปีก่อน Titan ตั้งเป้าว่ายอดขายจะพุ่งสูงเป็น 3 พันล้านรูปีภายในปีหน้านี้แน่นอน
เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัทส่วนใหญ่จะไปปักธงในเมืองกูวาฮาติที่เป็นเมืองหลวงของรัฐอัสสัม และเป็นเมืองเอกที่เป็นเสมือนประตูสู่ภาคอีสานอินเดียก่อน หลายบริษัท มีแนวโน้มจะไปดูลู่ทางของตัวเองต่อในเมือง Agartala ของรัฐตรีปุระ อย่างเช่นบริษัท Future Value Retail ที่ทำกิจการซุปเปอร์มาร์เก็ตยี่ห้อ Big Bazaar ก็มีแผนจะขยับขยายสาขาไปที่เมืองนั้นภายใน 2-3 เดือนนี้
สินค้าในกลุ่ม ความสวยความงามก็มีโอกาสเติบโตในภาคอีสานอินเดียได้อีก บริษัทวิจัยเอกชน Nielsen เปิดเผยตัวเลขว่า แม้ภาคอีสานอินเดียจะมีส่วนแบ่งในตลาดด้านนี้เพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์ แต่อัตราการเติบโตสูงถึง 22 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าอัตราการเติบโตของทั้งประเทศถึง 3 เปอร์เซ็นต์
ผู้บริหาร L’Oreal India ยืนยันว่านี่เป็นตลาดขายสินค้าแต่งหน้าที่สำคัญ ส่วนบริษัท Dabur India ที่ผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายก็รวมอัสสัมเป็นรัฐหนึ่งที่บริษัทมีแผนจะเพิ่มการกระจายสินค้าเป็นสองเท่าในปีนี้ แสดงว่าไม่ควรมองข้ามตลาดแห่งนี้
สินค้าประทินผิวและเสริมความงามแบบไทยๆ น่าจะเข้าถึงคนอีสานอินเดียได้มากกว่าสินค้าที่คนอินเดียหน้าคมผิวคล้ำนิยมใช้กัน เพราะคนอีสานอินเดียรูปร่างหน้าตาผิวพรรณจะใกล้เคียงคนพม่า คนไทย ซะมากกว่า
แบรนด์อื่นๆ ที่คนไทยคุ้นหู และเคยเก้ๆ กังๆ ว่าจะเปิดประตูสู่อีสานอินเดียหรือไม่ อย่าง S.Oliver ของเยอรมนี และยี่ห้อหรูๆ อย่าง DKNY และ Forever 21 ที่เครือ DLF เป็นเจ้าของ ก็มีแผนจะบุกตลาดดินแดนแถบนั้นเร็วๆ นี้
อีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดียที่มีชายแดนติดกับจีน ภูฏาน พม่า และบังคลาเทศ ประกอบด้วยรัฐเล็กๆ 7 รัฐ เรียกว่า 7 พี่น้อง (7 sisters) คือ อัสสัม นากาแลนด์ ตรีปุระ เมฆาลัย อรุณาจัลประเทศ มณีปุระ และมิโซรัม มีชื่อเสียงเรื่องป่าเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมแบบชนเผ่า หัตถกรรม พริกนากาแลนด์ที่เผ็ดจนนำมาทำอาวุธได้ และชาอัสสัมที่เป็นที่โด่งดัง มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 45 ล้านคน จากผลสำรวจในปี 2554
ล่าสุด เมื่อ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทูตไทยประจำอินเดียไปเข้าร่วมงาน International Guwahati Trade Fair ครั้งที่ 20 และได้พบผู้ประกอบการไทยกว่า 25 รายที่มาร่วมงานติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 แล้ว ซึ่งยืนยันว่าสินค้าไทยเป็นที่นิยมในอีสานอินเดีย และคนที่นี่ มีทัศนคติที่ดีกับประเทศไทย เพราะวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่คล้ายคลึงกัน จึงน่าจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจไทยมาต่อยอดได้สบายๆ ไม่เปลืองแรง ลองอ่านบทความที่ท่านทูตเขียนได้ที่ http://www.thaiindia.net/th/articles-about-india-in-thai-press/1146--inside-india-.html และข่าวการเข้าร่วมงานดังกล่าวของทูตไทยได้ที่ http://www.thaiemb.org.in/th/news/news_detail.php?ID=2060
อีสานเขียวของไทยสำเร็จไปเรียบร้อยหลายปีแล้ว ลองมาสัมผัสความอุดมสมบูรณ์และการเติบโตของอีสานอินเดียดูบ้างก็น่าจะดี
คณิน บุญญะโสภัต
รายงานจากกรุงนิวเดลี
19 กุมภาพันธ์ 2556