เทรนด์รถเล็ก ตลาดแสนล้าน การบ้านชิ้นส่วนยานยนต์ไทย
อุตสาหกรรมรถยนต์ของอินเดียมีขนาดใหญ่และยังสามารถขยายตัวได้อีกมากตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลาง โดยตลาดรถยนต์ของอินเดียกว่าร้อยละ 80 เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000 รูปี (ประมาณ 270,000 – 340,000 บาท) ซึ่งคาดว่าด้วยราคาจำหน่ายที่ต่ำมากท่ามกลางการแข่งขันสูง กำไรต่อหน่วยในการจำหน่ายรถยนต์จึงมีไม่มากนัก แต่ได้อาศัยยอดจำหน่ายรถยนต์ที่สูงเป็นตัวชดเชย ช่วงระยะหลังมานี้ ผู้ผลิตรถยนต์ในอินเดียเริ่มที่จะขยายตลาดส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นที่ภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกกลางที่เป็นตลาดดั้งเดิม และขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ในแอฟริกาและลาตินอเมริกา
อัพเดทข่าวล่าสุดในตลาดรถอินเดีย บริษัท มารุติ ซูซูกิประกาศจะลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินเดียมูลค่าประมาณ 1.36 พันล้านเหรียญ มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านคันต่อปี แต่ยังอุบไต๋ว่าจะเป็นเมืองใด
โตโยต้าซึ่งที่ผ่านมามียอดจำหน่ายรถยนต์ในอินเดียค่อนข้างต่ำ ได้เริ่มผลิตรถยนต์บุคคลขนาดเล็กออกมาแข่งขันโดยมีแผนจากเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กจากจำนวน 100,000 คัน เป็น 310,000 คันต่อปี
ส่วนบริษัทฟอร์ด ซึ่งประสบความสำเร็จจากยอดจำหน่ายรถยนต์รุ่น Figo ได้ประกาศแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในรัฐคุชราตมูลค่าการลงทุน 1.1 พันล้านดอลลาร์ และสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ที่มีกำลังการผลิต 270,000 เครื่องต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทนิสสัน มีแผนขยายกำลังการผลิต โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อส่งออก และบริษัท Renault ที่ได้เริ่มเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในอินเดียเมื่อต้นปี มีแผนขยายกำลังการผลิตเช่นกัน
ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการขยายส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในอินเดีย คือ
ผลิตภัณฑ์
ต้องมีการออกรถยนต์รุ่นใหม่หรือปรับโฉมรถยนต์รุ่นเก่าอออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ผู้นำตลาดรถเล็กคือ Maruti Suzuki, Hyundai และ Tata นอกจากนี้ยังมี Nissan, For, Toyota, Honda, Volkswagen, Renault, Peugeot, Mahindra แม้กระทั่งรถยนต์จีนจากบริษัท Jianghuai Automibile, Brilliance Auto และ Chery International ก็มีแผนการจะร่วมผลิตรถยนต์กับอินเดียในอนาคต
สถานที่
แต่เดิมศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของอินเดียเมื่อ 10 ปีก่อนอยู่ที่นิวเดลี เจนไนและปูเน่ ที่มีข้อได้เปรียบคือ มีเขตเศรษฐกิจพิเศษรองรับ ที่ดินราคาต่ำและมีระบบขนส่งการส่งออกที่ดี แต่ขณะนี้รัฐคุชราตได้ประกาศเจตนารมย์จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของอินเดีย หลังจากที่ Tata Motors ได้ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ Tata Nano บริษัท Ford ก็มีแผนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในเนื้อที่ 400 เอเคอร์ มีกำลังการผลิตรถยนต์ 240,000 คัน และผลิตเครื่องยนต์ 270,000 เครื่องต่อปี ในขณะที่ Peugeot Citroen มีแผนลงทุน 880 ล้านดอลลาร์ ตั้งโรงงานกำลังการผลิต 170,000 คันต่อปี นอกจากนี้ Maruti Suzuki และ Hyundai ก็กำลังอยู่ระหว่างหารือกับรัฐคุชราตในการตั้งโรงงานด้วย
จุดแข็งของรัฐคุชราตอยู่ที่การจัดหาที่ดินในราคาที่เหมาะสมและให้สิทธิประโยชน์ที่ดีแก่ผู้ผลิตรถยนต์ ยิ่งกว่านั้นรัฐคุชราตยังอยู่ในเขตที่ประชาชนมีกำลังซื้อสูงและตั้งอยู่ในบริเวณทางหลวงหมายเลข NH 8 ที่เชื่อมระหว่างเดลีและมุมไบ ทำให้อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ซึ่งได้ช่วยแก้ไขอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ และทำให้การส่งมอบรถยนต์ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสะดวกต่อการส่งออกเนื่องจากตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศและมีท่าเรือที่สำคัญหลายแห่ง
ราคา
ลูกค้าชาวอินเดียมีความอ่อนไหวในเรื่องราคามากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทั้งนี้ในการกำหนดราคาจำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กราคาประหยัดจะทำได้ลำบากมาก เพราะหากตั้งราคาผิดไปเพียง 10,000 รูปี (ประมาณ 7,000 บาท) อาจมีผลทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์มีไม่มาก
ดังนั้นการกำหนดราคาจำหน่ายรถยนต์จึงต้องมีการวิจัยตลาดอย่างดี ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Maruki Suzuki มียอดจำหน่ายสูงสุดในอินเดีย เพราะกำหนดราคาจำหน่ายในจุดที่เหมาะสม ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ Skoda และ Honda มียอดจำหน่ายรถยนต์รุ่น Fabia และ Jazz ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะตั้งราคาสูงเกินไปจนกระทั่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองต้องลดราคาขายรถยนต์รุ่นดังกล่าวลงคันละประมาณ 200,000 รูปี ยอดจำหน่ายจึงเติบโตขึ้น
นอกจากนั้น ในการปรับโฉมรถยนต์รุ่นเก่าหรือติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ผู้ผลิตรถยนต์มักจะกำหนดราคาจำหน่ายเท่าเดิม ไม่สามารถเพิ่มราคาขายขึ้นได้ จึงกล่าวได้ว่าตลาดรถยนต์ในอินเดียเป็นตลาดของผู้ซื้ออย่างแท้จริง สำหรับรถยนต์หรูราคาแพงที่ยอดจำหน่ายยังมีจำกัด ผู้ผลิตจะต้องคงราคาขายที่สูงไว้ เรื่องจากผู้ซื้อในกลุ่มนี้มีฐานะดีมาก ต้องการรถยนต์ที่ใช้วัสดุคุณภาพดีและมีเทคโนโลยีสูง หากตั้งราคาจำหน่ายต่ำอาจถูกมองว่าไม่มี exclusivity และ brand value ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับความนิยม อาทิ เช่น BMW และ Audi ที่ขณะนี้ได้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในอินเดียแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดราคาจำหน่ายรถยนต์ของตนลง แม้ว่าบริษัทจะไม่ต้องชำระภาษีนำเข้าร้อยละ 110 แล้วก็ตาม
การส่งเสริมการขาย
บริษัทรถยนต์ใช้งบประมาณอย่างมากในการโฆษณาสินค้าในทุกช่องทางทั้งทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต แผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ รวมทั้งใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมเป็น brand ambassador เช่น ดารา Bollywood หรือ นักกีฬาคริกเก็ต แม้แต่นาย Ratan Tata เจ้าของบริษัท Tata Motors ก็สามารถเป็น brand ambassador ให้แก่รถยนต์ Tata Nano ได้ดี เนื่องจากคนส่วนใหญ่รู้ว่านาย Ratan Tata มีความมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกที่สุดให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ในอินเดีย
ธีระพงษ์ วนิชชานนท์
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ
บทความที่เกี่ยวข้องกัน
เปอร์โยต์ทุ่มงบลงอินเดีย สัญญาณกำลังโตล่าสุด ที่บ.ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยไม่ควรมองข้าม