![Five-star-chicken-india](/images/2013/July_13/5StarChick/Five-star-chicken-india.jpg)
เครือซีพีในอินเดียนำแบรนด์ไก่ห้าดาวมาตีตลาดอินเดีย เพิ่มมิติการลงทุนจาก 3 ธุรกิจหลักของบริษัทในแดนภารตะที่เดิมมีอยู่คือ ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ อาหารสัตว์ปีก และธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด
เมื่อเร็วๆ นี้ Thaiindia.net ได้รับรายงานมาว่า ไก่ห้าดาวของบริษัทซีพีเอฟ ของเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ที่ถูกนำเข้ามาลุยตลาดอินเดียตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่เมืองบังกะลอร์เป็นที่แรกนั้น มีผลประกอบการที่ดี และซีพีเอฟมีแผนจะขยายสาขาไปยังรัฐอานธรประเทศและรัฐทมิฬนาฑู
ทีม Thaiindia.net จึงขอถือโอกาสประมวลเสียงตอบรับของชาวอินเดียต่อไก่หน้าดาวซีพีว่าเป็นอย่างไร รวมถึงเจาะลึกเคล็ดลับของซีพีเอฟว่าทำอย่างไรไก่ห้าดาวของไทยจึงมาสยายปีกประสบความสำเร็จได้ในตลาดอินเดียสุดหินแห่งนี้
ไก่ย่างห้าดาวที่เริ่มต้นกิจการในไทยตั้งแต่ปี 1985 และคนไทยคุ้นหูกันว่าเป็น ไก่ย่างห้าดาวนั้น เข้ามาบุกตลาดเมืองบังกะลอร์เป็นเมืองแรกในอินเดียโดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ลักษณะธุรกิจจะมีสองแบบ คือเป็นร้านจานด่วนแบบสั่งกลับบ้าน (take away) ไม่มีโต๊ะนั่งรับประทาน และร้านที่เปิดร่วมกับศูนย์อาหาร (food court) และขายร่วมกับร้านอาหารท้องถิ่น
![chicken](/images/2013/July_13/5StarChick/chicken.jpg)
เมนูเด็ดไก่ทอด Crunchy Masala
เมนูไก่ห้าดาวที่ขายอยู่ในขณะนี้ประกอบด้วย เมนูกินเล่นคือ Chilly Nugget และ Spicy Finger และเมนูอาหารหลักได้แก่ Star Amazing (Thai), Masala Delight (Indian), Thai Crispy, Crunchy Masala, Spicy Rolls และ Chicken Cheesy Balls
ผลตอบรับของผู้บริโภคอินเดียปรากฏว่า ชาวอินเดียชื่นชอบไกห้าดาวของซีพีเพราะรสชาติที่ถูกปากและที่สำคัญคือคุณภาพของไก่ ที่เป็นไก่คุณภาพและมีรสชาติเนื้อไก่แท้ๆ และดูจะถูกยกให้เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารฟาสต์ฟูดหลายๆ แห่ง
คุณ Sanjeev Pant รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ของซีพีเอฟ กล่าวว่า หลักการของไก่ห้าดาวในอินเดียประกอบด้วย Great taste คือการผสมผสานรสชาติแบบอินเดีย ไทย และเอเชียเข้าด้วยกันโดยทีม R&D ของซีพี Superior Quality รับประกันคุณภาพและความปลอดภัยจากฟาร์มถึงจาน และ Great Value for Money ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นการจัดการของซีพีทั้งหมด ทำให้สามารถส่งต่อคุณภาพไก่มายังผู้บริโภคได้ในราคาที่เหมาะสม
คุณ Sanjeev ยังกล่าวอีกว่า คำขวัญของไก่ห้าดาวในอินเดียคือ Chicken for Everyone and Everywhere เพราะซีพีเลือกที่จะนำไก่คุณภาพของซีพีไปสู่กลุ่มตลาดขนาดใหญ่ คือให้เข้าถึงได้ทุกครัวเรือน ด้วยเหตุนี้ ซีพีจึงมีการโปรโมทไก่ห้าดาวเป็นอาหารฮาลาล 100% เพื่อเอาใจชาวมุสลิมในอินเดีย ซึ่งมีอยู่เกือบ 200 ล้านคนด้วย
ด้วยหลักการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ขณะนี้ไก่ห้าดาวมีเอาท์เล็ตในบังกะลอร์แล้วถึง 33 สาขา และซีพีเอฟมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 50 สาขาภายในปีนี้ และ 500 สาขาทั่วอินเดียใน 5 ปีข้างหน้า ให้ครอบคลุมเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น ไฮเดอราบัด มุมไบ และเดลี เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดีย
การต่อยอดธุรกิจไก่ห้าดาวของซีพี จะเริ่มต้นด้วยการให้แบรนด์สินค้าติดตลาด โดยเฉพาะการขยายไปสู่ฟู้ดคอร์ต ซี่งมีแผนจะใช้พื้นที่ขนาดเล็กเพียง 150 ตารางฟุต และบุคลากรเพียง 2 คนในการบริหาร สร้างความคล่องตัวในการขยายสาขาเข้าสู่ทำเลพื้นที่จำกัดเช่นอาคารสำนักงาน ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์อาหาร และศูนย์การค้า
![5starcafelong](/images/2013/July_13/5StarChick/5starcafelong.jpg)
กลยุทธ์เด็ด ร้าน Five Star Cafe
นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังมีกลยุทธ์ใหม่ โดยได้เปิดตัว "Five Star Café" ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับร้าน Chester Grill ในประเทศไทย ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดย Five Star Café ให้บริการตั้งแต่ชากาแฟไปจนถึงไก่หลายรูปแบบ นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังเตรียมจะรุกต่อด้วยแผนขยายตลาดในเมืองเจนไน เมืองหลวงรัฐทมิฬนาฑูในเดือนตุลาคมนี้ด้วย
ปัจจุบัน ธุรกิจร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดเชนในอินเดีย เช่น เคเอฟซี, แมคโดนัลด์ และซับเวย์ เติบโตอย่างรวดเร็วประมาณ 20-30% ต่อปี เนื่องจากจำนวนประชากรของอินเดีย กว่า 60% อายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่ง นิยมบริโภคอาหารจานด่วน (ฟาสต์ฟู้ด) และแนวโน้มประชากรจะหันมาบริโภคเนื้อสัตว์มากขึ้นจากปัจจุบันที่ผู้บริโภคมังสวิรัติและเนื้อสัตว์มีปริมาณเท่ากันคือ 50:50 ของจำนวนประชากร
ไก่ห้าดาวเป็นธุรกิจภายใต้ซีพีเอฟ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย มีสาขามากกว่า 6 พันสาขา ที่ผ่านมาซีพีเอฟได้ใช่ประสบการในธุรกิจ ทั้งด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพและการกระจายสินค้า ขยายธุรกิจไก่ห้าดาวไปในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมาร์ กัมพูชา ลาวและบังกลาเทศ รวมทั้งอินเดียในปัจจุบันด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันซีพีเอฟมีโรงงานอาหารสัตว์ในอินเดีย 7-8 แห่ง ตามแผนพัฒนาธุรกิจ 5 ปีของบริษัทรายได้จากธุรกิจอาหารจะมีสัดส่วนเป็น 25% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์ม
คณิน บุญญะโสภัต
ประพันธ์ สามพายวรกิจ
รายงานจากกรุงนิวเดลี
17 กรกฎาคม 2556