เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาละครเรตติ้งสุดฮอตแห่งปี 2556 เรื่อง "ทองเนื้อเก้า" ที่ใครๆ ก็ติดปากเรียกหาแต่ลำยองก็จบไปแล้ว และในช่วงท้ายที่วันเฉลิมลูกกตัญญูของแม่ลำยองอยากจะมาศึกษาธรรมะที่พุทธคยาก็มีความจำเป็นต้องนั่งเครื่องบินมาลงที่กัลกัตตา เมืองหลวงรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย และตั้งใจที่จะเดินเท้าไปพุทธคยา
ขณะนี้มีเที่ยวบินเชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับกัลกัตตาถึง 5 เที่ยวต่อวัน ทั้งของสายการบินไทย ไทยแอร์เอเชีย อินดิโก้ และเจ็ตแอร์เวย์ (วันละ 2เที่ยว) และประมาณต้นปีหน้าก็จะมีสายการบินน้องใหม่ SpiceJet สายการบินต้นทุนต่ำของอินเดีย บินจากกัลกัตตาไปกรุงเทพฯ ด้วย
มีสายการบินให้เลือกเยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าวันเฉลิมจะเลือกสายการบินไหนดี แต่ที่แน่ๆ หากวันเฉลิมรออีกหน่อยก็จะสามารถเดินทางไปพุทธคยาได้ทางถนน เพราะถนนที่เชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมาร์-อินเดีย (ถนนสามฝ่าย) ถ้าเป็นไปตามเป้าก็จะแล้วเสร็จในอีกปี 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้การเดินทางและขนส่งจากไทยผ่านเมียนมาร์และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียมาสู่ภาคตะวันออกของอินเดียง่ายขึ้น
นอกจากการเชื่อมโยงทางบกและทางอากาศแล้ว หากท่าเรือน้ำลึกทวาย อภิมหาโปรเจ็กต์เชื่อมอุษาคเนย์ของไทยและเมียนมาร์แล้วเสร็จก็จะสามารถเชื่อมการขนส่งทางน้ำกับท่าเรือน้ำลึกในอินเดียอย่างท่าเรือน้ำลึกที่เมืองกัลกัตตา หรือท่าเรือน้ำลึกที่เมืองเจนไนได้ ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างกันทำสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เมืองกัลกัตตาจึงมีโอกาสที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญกับไทยและอาเซียนในอนาคตอันใกล้
ปัจจุบันสินค้ายอดนิยมจากอินเดียไปไทยก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชา ปู เครื่องหนัง หรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่มีราคาถูกในอินเดีย ประเทศไทยอาจใช้โอกาสนี้ในการแปรรูปเป็นสินค้ามีราคาแพงแปะยี่ห้อไทยแลนด์และส่งออกไปขายทั่วโลก
นอกจากการเชื่อมโยงทางกายภาพ (Physical Connectivity) แล้ว ในแง่ความเชื่อมโยงทางจิตใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยและอินเดียมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งและยาวนาน ดูได้จากวัฒนธรรม ภาษา และศาสนา ไม่ว่าจะเป็นคำพูดสวัสดีในภาษาไทย ที่ในอินเดียแปลว่ายินดีต้อนรับ หรือคำว่านมัสการ ก็เป็นคำทักทายในอินเดียและไทยเราก็นำมาใช้ในการกราบนมัสการพระภิกษุสงฆ์
ความใกล้ชิดนี้เองที่ทำให้คนอินเดียมีความนิยมไทยเป็นพิเศษ ชอบทุกสิ่งที่เป็นไทย (Thainess) รวมถึงสินค้าไทยอย่างมาก คนอินเดียที่มีฐานะมักนิยมไปแต่งงานที่เมืองไทย เจ้าภาพงานแต่งงานก็จะซื้อตั๋วเครื่องบินแจกญาติพี่น้องและแขกที่ร่วมงาน พร้อมจองห้องพักหรือปิดโรงแรมจัดงานกันเลย แทบจะเรียกได้ว่าค่านิยมไทย แพร่หลายอยู่ในทุกชนชั้นของคนอินเดีย การทำธุรกิจกับคนอินเดียของคนไทยจึงได้เปรียบในจุดนี้
มีเอกชนไทยหลายรายในเขตกัลกัตตาที่ใช้ประโยชน์จากความนิยมไทยของคนอินเดียตรงนี้ เข้าไปลงทุนและได้รับความไว้วางใจจากอินเดียให้ทำงานใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอิตาเลียนไทยที่สร้างทั้งสนามบินและรถไฟใต้ดิน ในเมืองกัลกัตตา ซีพีก็เข้าไปรุกตลาดอาหารทั้งไข่ไก่ เนื้อไก่ และกุ้งได้สำเร็จ เพราะแบรนด์ซีพีของไทยให้ความรู้สึกของความเป็นสินค้าคุณภาพได้มาตรฐาน ถูกใจชาวอินเดียที่หันมาใส่ใจอาหารการกินมากขึ้น
บริษัทไทยและคนไทยที่มาทำงานในอินเดียกลุ่มนี้ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นอยู่ เพราะอินเดียสมัยนี้เปลี่ยนไปมากโข มีความสะดวกสบายไม่แพ้บ้านเรา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีห้างสรรพสินค้าระดับห้าดาวเปิดใหม่ในกัลกัตตาชื่อ Quest ซึ่งแข่งขันกับสยามพารากอนได้สบาย มีสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกอย่าง Gucci, Burberry, Paul Smith หรือ Crabtree รวมถึงเชนอาหารอเมริกันอย่าง Au bon pain และ Chilli's ที่บ้านเรายังไม่มีด้วยซ้ำ
โอกาสทางธุรกิจที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ที่มาจากความนิยมไทยและความเชื่อมโยงทางใจของคนไทยและอินเดีย น่าจะยิ่งได้รับแรงส่งเพิ่มอีกถ้าหากการเชื่อมโยงทางกายภาพเกิดขึ้นได้ตามที่ทั้ง2 ฝ่ายหวังไว้ อยู่ที่ว่าเอกชนไทยที่เห็นโอกาส พร้อมจะก้าวข้ามอคติเดิมๆ และหันไปลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด
โดย ภาณุภัทร ชวนะนิกุล
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,901 วันที่ 1 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556