เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน คณะจากสถานทูตฯ ได้ร่วมเดินทางกับคณะทูตประเทศอาเซียน ไปเยี่ยมชมเมืองวิสาขปัทนัมรัฐอานธรประเทศ และเพื่อเข้าร่วมการประชุม South India-ASEAN Trade & Investment: Exploring New Opportunities ตามคำเชิญของสภาอุตสาหกรรมอินเดีย (Confederation of Indian Industry – CII) การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า รัฐอานธรประเทศ โดยเฉพาะเมืองวิสาชปัทนัม มีศักยภาพสูงเป็นอีกหนึ่งที่ในอินเดียที่นักลงทุนไทยควรศึกษาอย่างยิ่ง
เมืองวิสาขปัทนัม หรือชื่อย่อว่า ไวแซก (Vizag) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในรัฐอานธรประเทศ รองจากเมืองไฮเดอราบัด เป็นเมืองอุตสาหกรรมติดชายทะเลฝั่งตะวันออกของอินเดีย มีความสำคัญ คือ มีท่าเรือสำหรับอุตสาหกรรมหนัก รวมทั้งมีอุตสาหกรรมเหล็กเป็นกลไกผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตเหล็กกล้าของอินเดีย และต้องการยกระดับให้ท่าเรือ Vizag เป็นประตูด้านชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย นอกจากนี้ วิสาขปัทนัมยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรืออินเดียด้านตะวันออกด้วย
ปัจจัยส่งเสริมการลงทุน คือ วิสาขปัทนัมมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมีการเชื่อมโยงทางคมนาคมที่ดี ทั้งทางถนน เรือ อากาศ กับส่วนอื่นของประเทศ มีท่าเรือใหญ่ 3 แห่ง เป็นแหล่งวิทยาการความรู้ และมีแรงงานมีทักษะ ข้อมูลจากการสำรวจประชากรของรัฐบาลอินเดียเมื่อปี 2554 เมืองวิสาขปัทนัม มีประชากร 4.28 ล้านคน อุตสาหกรรมหนักของเมืองเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้ชนชั้นธุรกิจ ซึ่งมีศักยภาพในการบริโภคสูงมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดศูนย์การค้าและแหล่งบันเทิง (ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และธุรกิจประเภท hospitality) มากขึ้น
อนาคตท่าเรือใหญ่ของอินเดียฝั่งตะวันออก
รัฐอานธรประเทศมีท่าเรือสำคัญ 3 แห่ง คือ Visakhapatnam, Kakinada และ Machilipatnam ท่าเรือ Visakhapatnam เป็นท่าเรือน้ำลึกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดียในเชิงปริมาณการขนถ่ายสินค้า ในปี 2011-2012 มีปริมาณ 68 ล้านตัน และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 110 ล้านตันในปี 2014 สินค้าที่ขนส่งส่วนใหญ่เป็น dry bulk ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก อาทิ ถ่านหิน (ทั้งที่ใช้ในโรงไฟฟ้าและโรงงานถลุงเหล็ก) แร่เหล็ก ปุ๋ย น้ำมันดิบ ตู้คอนเทนเนอร์ มีท่าเทียบเรือ 23 ท่า
จุดเด่นของท่าเรือ Visakhapatnam คือเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ของภาคตะวันออกของอินเดียที่มีการเชื่อมโยงทางคมนาคมที่ดี ทั้งทางรถไฟ ถนน (เชื่อมต่อทางหลวง NH5 เส้นทางเจนไน / กัลกัตตา) และการบิน (มีไฟล์ทตรงไปยังเดลี ไฮเดอราบัด เจนไน
มุมไบ บังคาลอร์ กัลกัตตา ตีรูปติ) ทำให้สามารถขนส่งและกระจายสินค้าไปยังเมืองอุตสาหกรรมในรัฐรอบข้างได้สะดวก ประกอบกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าครบครัน มีระยะทางเชื่อมต่อกับท่าเรือสิงคโปร์ 1,573 กม. โคลัมโบ 849 กม.
รัฐบาลอานธรประเทศมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาท่าเรือ มูลค่ากว่า 1.39 แสนล้านรูปี อาทิ การเพิ่มความลึกของอ่าวทั้งส่วนด้านนอกและด้านใน พัฒนาและสร้างท่าเทียบเรือเพิ่มให้สามารถรองรับชนิดและปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มขึ้น พัฒนา container terminal พัฒนาทางรถไฟและถนนที่เชื่อมต่อกับท่าเรือตลอดจนท่าจอดรถขนส่ง และมีแผนพัฒนาให้เป็น multi model logistic hub
การอัพเกรดท่าเรือดังกล่าวเปิดโอกาสให้ต่างชาติร่วมลงทุนด้วยในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ โครงการสร้างท่าจอดรถบรรทุก ทางรถไฟ (Freight Corridors) ถนนที่เชื่อมต่อท่าเรือ โกดังสินค้า ห้องเย็น โดย Vishakhapatnam Port Trust จะใช้วิธีการเปิดประมูล
วางแผนเป็นศูนย์กลางปิโตรเคมี
โครงการสร้าง Petroleum, Chemicals, and Petrochemicals Investment Region (PCPIR) ซึ่งจะเป็นพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีพื้นที่เขตอุตสาหกรรม 608 ตร.กม. ในบริเวณเชื่อมต่อระหว่างเมืองวิสาขปัทนัมกับ Kakinada (ตามแนวชายฝั่งด้านตะวันออก) อยู่ในระหว่างการพัฒนาให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสำหรับการผลิต ทั้งเพื่อใช้ในประเทศและการส่งออก อุตสาหกรรมในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ อาทิ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เวชภัณฑ์ ปุ๋ย โพลิเมอร์ โรงกลั่นน้ำมัน จุดแข็งของเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว คือ มีท่าเรือสำคัญ 3 แห่ง มีการเชื่อมโยงทางคมนาคมกับตลาดทั้งภายในและต่างประเทศที่ดี ทั้งถนน เรือ อากาศ มีพลังงานไฟฟ้าและน้ำเพียงพอ มีแรงงานที่มีทักษะและกึ่งทักษะเพียงพอ อีกทั้งเป็นแหล่งแร่ธาตุด้วย
โอกาสของไทย
ความพร้อมหลายๆ ประการของเมืองวิสาขปัทนัม ทำให้มีเอกชนไทยเช่นบริษัทซีพีและไทยยูเนี่ยนโฟรเซนโปรดักส์เข้าไปลงทุนในบริเวณเขตเมืองดังกล่าวบ้างแล้ว และในอนาคตเมื่อท่าเรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็คาดได้ว่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและรัฐอานธรประเทศจะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ทูตพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตประจำกรุงนิวเดลี ได้เน้นประเด็นเรื่องความเชื่อมโยงทางทะเลระหว่างท่าเรือเมืองทวายในประเทศพม่า-และเมืองเจนไน เพื่อแสดงให้เห็นว่าในอนาคตอาจขยายมาถึงท่าเรือเมืองวิสาขปัทนัมได้ และเป็นโครงการที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริษัทอิตาเลียนไทยได้รับสัมปทานในการสร้างท่าเรือน้ำลึกเมืองทวาย เป็นโอกาสที่บริษัทอินเดียจะสามารถร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว อาทิ บริษัท Vizag Steel อาจเข้าไปลงทุนหรือเปิดการค้าขายวัสดุก่อสร้างประเภทเหล็กสำหรับโครงการดังกล่าวได้
หากในอนาคต การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเมืองทวายเสร็จสิ้น การเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือวิสาขปัทนัมกับท่าเรือทวาย จะเป็นการย่นระยะทางขนส่งสินค้า เชื่อมต่อระหว่างอินเดียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ / เอเชียตะวันออก โดยไม่ต้องอ้อมไปทางช่องแคบมะละกา
สยามเมืองยิ้มเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิต
เมื่อนักธุรกิจเมืองไวแซกคิดถึงการพัฒนาเมืองของเขาให้เป็นเมืองตากอากาศชายทะเล เขามักเอ่ยถึงเมืองไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวอินเดียนิยมมากที่สุด ชาวอินเดียได้ลงคะแนนเลือกให้ ปทท. เป็น “World’s Best Country” และ “World’s Best Wedding Destination” ปี 54 ทั้งนี้ มีกว่า 147 เที่ยวบินตรงระหว่างเมืองสำคัญในอินเดียและกรุงเทพฯ และด้วยความนิยมชมชอบเมืองไทย สมาคมการท่องเที่ยวของเมืองวิสาขปัทนัมได้จึงได้ยื่น หนังสือถึงเอกอัครราชทูตขอให้สายการบินของไทยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างเมืองไวแซกกับ กรุงเทพฯ เมื่อคำนึงถึงการเจริญเติบโตของจำนวนเศรษฐีใหม่ในเมืองนี้แล้ว สายการบินไทยที่กำลังมองหาเมือง Tier II หรือ Tier III เพื่อขยายกิจการ ก็ไม่ควรพลาดเดินทางไปสำรวจ
สำหรับท่านที่ต้องการทราบเรื่องศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดียใต้ โปรดคลิ๊กที่ powerpoint presentation ของทูตพิศาลฯ ที่สัมมนา South India-ASEAN Trade & Investment: Exploring New Opportunities
แจ่มใส เมนะเศวต